มารยาทที่งดงามของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงตรัสไว้ในคัมภีร์อัล-กุรอ่าน ถึงเป้าหมายสูงสุดหนึ่งในการแต่งตั้งมุฮัมมัด ศ. ให้เป็นศาสนทูต ไว้ว่า แท้จริงฉันได้ถูกแต่งตั้งมาเพื่อทำให้สมบูรณ์ซึ่งจริยธรรมอันงดงาม
![]()
ประวัติศาสตร์อิสลาม [ประวัติศาสดามุฮัมมัด-บทที่ 6] ตอน: มารยาทที่งดงามของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ.
มารยาทของท่านศาสดามุฮัมมัดศาสนทูตแห่งอิสลาม
ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ศ.
- จะเย็บเสื้อผ้าและรองเท้าด้วยตัวเอง
 - จะรีดนมแพะด้วยตัวเอง
 - จะรับประทานอาหารร่วมกับคนรับใช้
 - จะนั่งกินกับพื้นดิน
 - จะจัดหาสิ่งจำเป็นในครัวเรือนของตนจากตลาดและนำกลับมายังครอบครัวด้วยตัวเองโดยปราศจากความเหนียมอาย
 - ท่านจะสัมผัสมือกับคนร่ำรวยและคนยากจนแบบเดียวกัน และไม่เคยดึงมือของตนเองกลับจนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะดึงมือของตนเองกลับก่อน
 - เมื่อพบเจอใครก็ตามท่านจะให้สลามก่อนไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นคนร่ำรวยหรือยากจน และไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม
 - และเมื่อท่านถูกเชื้อเชิญให้ไปเป็นแขกและร่วมรับประทานสิ่งใด ท่านจะให้ความสำคัญต่อสิ่งนั้น แม้จะเป็นแค่เพียงอินทผลัมเก่า ๆ ก็ตาม
 - ท่านเป็นผู้ใช้จ่ายอย่างเรียบง่าย มีอารมณ์ดี น่าคบค้าสมาคมด้วย มีใบหน้าที่เบิกบานยิ้มแย้มตลอดเวลาแต่ไม่มีการหัวเราะเมื่อเกิดความโศกเศร้าก็ไม่เคยแสดงใบหน้าบึ้งตึง
 - ท่านเป็นผู้ที่นอบน้อมถ่อมตนแต่ไม่แสดงถึงความต่ำต้อยเป็นผู้โอบอ้อมอารีแต่ไม่ฟุ่มเฟือยเป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยนและเมตตาต่อมุสลิมทุกคน ”
 
ท่านอิมามศอดิก อ. กล่าวว่า “ ท่านจะจัดจัดสรรช่วงเวลาในการมองของท่านอย่างเท่าเทียมกันในระหว่างบรรดาสาวกของท่าน โดยมองไปยังคนนั้นทีหนึ่งและมองไปยังคนนี้อีกทีหนึ่ง ”
ท่านยังกล่าวอีกว่า
- ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ไม่เคยนั่งเหยียดเท้าทั้งสองของท่านในหมู่บรรดาสาวก
 - ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ท่านจะยิ้มในเวลาที่ท่านพูด
 - ท่านศาสดา จะหยอกเย้ากับผู้อื่น เพื่อต้องการให้บุคคลนั้นเบิกบานใจ
 
เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้มาพบท่านศาสนทูต และได้กล่าวขึ้นว่า “ท่านจะอนุญาตให้ข้าพเจ้าทำซินา(ละเมิดประเวณี) ได้หรือไม่ ” บรรดาศอฮาบะฮ์ได้ตะคอกไล่เขา ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ กล่าวว่า
“ไอ้หนุ่มน้อยเอ๋ย ! มานั่งใกล้ ๆ ฉันเถิด  เด็กหนุ่มผู้นั้นได้ขยับมานั่งใกล้ ๆ ท่าน เมื่อนั้นท่านจึงกล่าวกับเขาว่า “ เจ้าพึงพอใจกระนั้นหรือที่ใครคนหนึ่งจะทำซินา (ละเมินประเวณี) กับแม่ของเจ้า กับพี่สาวหรือน้องสาวของเจ้า กับลูกสาวหรือกับเครือญาติที่ใกล้ชิดของเจ้า ?
เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่พึงพอใจ” ท่านจึงกล่าวว่า “ปวงบ่าวของพระผู้เป็นเจ้าทุกคนก็มีความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน” จากนั้นท่านได้เอามือของท่านแตะหน้าอกของเด็กหนุ่มผู้นั้น พร้อมกับกล่าวว่า
“ โอ้อัลลอฮ์! ได้โปรดอภัยโทษต่อความผิดบาปของเขา โปรดชำระหัวใจของเขาให้สะอาดบริสุทธิ์ และโปรดปกป้องอวัยวะพึงสงวนของเขาด้วยเถิด ”
นับจากนั้นเป็นต้นมาไม่เคยมีใครเห็นเด็กหนุ่มอยู่กับสตรีแปลกหน้าอีกเลย และเขาได้คงสภาพอยู่ในความบริสุทธิ์และการยับยั้งตนจากความชั่วตลอดเวลา
วันหนึ่งท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้นั่งร่วมสนทนาอยู่กับบรรดาสาวกลุ่มหนึ่ง สตรีชาวอันศอรผู้หนึ่งได้เข้ามาใกล้ทางด้านหลัง นางได้แอบมาอย่างลับ ๆ และดึงเสื้อของท่านศาสนทูต ศ. ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ คิดว่านางมีธุระอะไรกับท่านจึงได้ลุกขึ้น หลังจากท่านยืนขึ้นสตรีผู้นั้นก็มิได้พูดสิ่งใด ท่านจึงได้นั่งลงที่เดิมโดยมิได้กล่าวสิ่งใดกับนางเช่นกัน นางจึงได้ดึงเสื้อของท่านอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ก็มิได้พูดสิ่งใด และเหตุการณ์ก็ดำเนินไปเช่นนี้จนครั้งที่สี่ ท่านศาสนทูต ได้ยืนขึ้น สตรีผู้นั้นได้ฉีกส่วนหนึ่งจากเสื้อผ้าของท่านและจากไป
ประชาชนได้ท้วงติงว่า “ เจ้าได้ทำอะไรเช่นนั้น เจ้าทำให้ท่านศาสนทูต ต้องลุกขึ้นจากที่นั่งถึงสี่ครั้งโดยไม่พูดอะไร เจ้าต้องการอะไรกระนั้นหรือ ? ” นางได้กล่าวว่า “ ในบ้านของเรามีผู้ป่วยคนหนึ่ง พวกเขาได้ส่งฉันมาเพื่อฉีกส่วนหนึ่งจากเสื้อของท่านศาสนทูต ศ. ไปเป็นตะบัรรุก ( ความจำเริญ ) สำหรับเขาเพื่อเขาจะได้หายจากการเจ็บป่วย ”
ชายผู้หนึ่งได้ขอให้ท่านอะมีรุลมุฮ์มินีน อะลี นับมารยาทต่าง ๆ ของท่านศาสดา ให้เขาได้รับรู้ ท่านกล่าวว่า “ เจ้าจงนับคำนวณเนี้ยะอ์มัด( ความโปรดปราน ) ของพระผู้เป็นเจ้าในดุนยา ให้ฉันฟังก่อน แล้วฉันจะนับคำนวณมารยาทของท่านศาสนทูต ให้เจ้าฟัง “ จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะนับคำนวณเนี้ยะอ์มัดต่าง ๆ แห่งดุนยา ในขณะที่พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานว่า
وَإِن تَعُدُّواْ نِعْمَةَ اللّهِ لاَ تُحْصُوهَا… سوره النحل ۱۸
“ และมาตรว่าเจ้าจะนับคำนวณความโปรดปรานของอัลลอฮ์ พวกเจ้าก็ไม่อาจนับคำนวณมันได้ ”
ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน (อ) ได้กล่าวว่า “ พระผู้เป็นเจ้าทรงนับว่าบรรดาเนี้ยะอ์มัตทั้งมวลในดุนยานี้เป็นสิ่งเล็กน้อย โดยที่พระองค์ทรงตรัสว่า :
قُلْ مَتَاعُ الدُّنْيَا قَلِيلٌ سوره النساء 77
จงกล่าวเถิด ปัจจัยอำนวยความสุขของดุนยาเป็นสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น
ในขณะที่พระองค์ทรงถือว่ามารยาทของท่านศาสนทูตของพระองค์เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่โดยที่พระองค์ทรงตรัสว่า
وَإِنَّكَ لَعَلَىٰ خُلُقٍ عَظِيمٍ
“ แท้จริงเจ้าเป็นผู้ตั้งมั่นอยู่บนจริยวัตรอันยิ่งใหญ่ ”
เจ้าซึ่งไม่สามารถนับคำนวณสิ่งซึ่งมีเพียงเล็กน้อยนี้ได้ แล้วไฉนจะให้ฉันนับคำนวณสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ แต่จงรับรู้ไว้เพียงนี้ว่าบรรดาศาสดาแต่ละท่านคือภาพสะท้อนถึงคุณลักษณะและ จริยวัตรที่ดีงามประการหนึ่ง แต่เมื่อมาถึงท่านศาสดามุฮัมหมัด ( ศ็อลฯ ) บรรดามารยาทที่ดีงามทั้งมวลได้ถูกรวมไว้ในตัวท่าน ด้วยเหตุนี้เองท่านจึงกล่าวว่า :
إنَّما بُعِثْتُ لأتمِّم مكارم الأخلاق
แท้จริงฉันได้ถูกแต่งตั้งมาเพื่อทำให้สมบูรณ์ซึ่งจริยธรรมอันงดงาม
ชาวอาหรับชนบทผู้หนึ่งได้ร้องขอความช่วยเหลือทางด้านเงินทองจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ท่านจึงมอบเงินให้แก่เขาในจำนวนมากพอต่อความต้องการของเขา ท่านได้ถามเขาว่า “ ฉันได้ทำให้ท่านแล้วใช่ไหม ? ” เขากล่าวว่า “ ไม่ ! ท่านยังมิได้ทำดีใด ๆ ต่อฉันเลย ” ผู้ที่อยู่รอบ ๆ รู้สึกโกรธ พวกเขาลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อที่จะรุมประชาทัณฑ์เขา ท่านศาสนทูต ได้บอกให้พวกเขาหยุด จากนั้นท่านได้เข้าไปในบ้านและนำเงินอีกจำนวนหนึ่งมามอบให้เขา ต่อจากนั้นท่านกล่าวว่า “ บัดนี้ฉันได้ทำดีต่อท่านแล้วใช่ไหม ? ” เขากล่าวว่า “ ใช่แล้ว ! ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทนรางวัลที่ดีงามแก่ท่าน ”
หลังจากนั้นท่านได้กล่าวกับชาวอาหรับผู้นั้นว่า “ ท่านได้กล่าวคำพูดหนึ่งซึ่งทำให้บรรดาสาวกของฉันขุ่นเคืองใจ ฉะนั้นหากท่านเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม ก็จงกล่าวคำพูดเช่นนี้ต่อหน้าพวกเขา เพื่อให้ความขุ่นเคืองใจของพวกเขาหมดไป ”
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่บรรดาสาวกได้มารวมตัวกันอยู่กับท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ศ. ท่านกล่าวว่า “ เมื่อวานชายผู้นี้ได้กล่าวคำพูดประโยคหนึ่ง หลังจากที่ฉันได้มอบเงินจำนวนหนึ่งเพิ่มให้เขา โดยเขาได้กล่าวว่าเขาพึงพอใจแล้วจากฉัน ” ท่านหันไปยังชายผู้นั้นพร้อมกับกล่าวว่า “ เป็นเช่นนี้ใช่ไหม ? ” ชายผู้นั้นกล่าวตอบว่า “ ใช่แล้ว ! ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทนสิ่งที่ดีงามให้กับท่านและครอบครังของท่าน ”
จากนั้นท่านศาสดามุฮัมหมัด ได้หันหน้าไปยังบรรดาสาวก พร้อมกับกล่าวว่า “ อุทาหรณ์ของฉันกับชายผู้นี้ เปรียบได้ดั่งชายผู้หนึ่งที่ได้ทำให้อูฐของตนเชื่องลง ในขณะที่มันวิ่งหนีผู้คนจะวิ่งไล่ตามมัน ไม่ว่าความชุลมุนจะเพิ่มมากขึ้นเท่าใด สัตว์ตัวนั้นก็ยิ่งวิ่งเตลิดหนีมากเท่านั้น เจ้าของอูฐจะร้องตะโกนว่า พวกท่านทั้งหลายจงปล่อยฉันไว้ตามลำพังกับอูฐของฉัน ฉันสามารถทำให้มันเชื่องได้ดีกว่า และฉันรู้ดีถึงวิธีที่จะทำให้มันละความพยศ ต่อจากนั้นตัวเขาเองจะเดินเข้าไปและปัดฝุ่นละอองออกจากตัวมัน จนกระทั่งมันเชื่องลง เขาก็จะค่อย ๆ ทำให้มันคุกเข่าลง และจะใส่อานบนหลังมัน และเขาก็จะขึ้นขี่มัน ถ้าหากฉันปล่อยพวกท่านเป็นอิสระ เมื่อชายผู้นี้กล่าวคำพูดดังกล่าว พวกท่านก็จะสังหารเขา พวกท่านก็จะถูกลงโทษด้วยไฟนรกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ”
ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี กล่าวว่า : ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ เป็นหนี้ชายชาวยิวคนหนึ่ง เป็นจำนวนเงินหลายดีนาร วันหนึ่งเขาได้มาทวงหนี้สินของตนเองจากท่าน ท่านศาสนทูต ได้กล่าวว่า “ ตอนนี้ฉันยังไม่มี ” เขากล่าวว่า “ ฉันจะยังไม่ไปจากท่าน จนกว่าท่านจะจ่ายมัน ” ท่านได้กล่าวว่า “ ฉันเองก็จะนั่งอยู่ที่นี้กับท่าน ” ท่านนั่งอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานโดยได้ทำนมาซซุฮ์รี่ อัซรี่ มัฆริบ อีชาอ์ และนมาซซุบฮ์ของวันถัดไปในสถานที่ดังกล่าว บรรดาศอฮาบะฮ์ได้ข่มขู่ชาวยิวผู้นั้น ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้หันไปยังพวกเขาพร้อมกับกล่าวว่า “ พวกท่านกำลังทำอะไรกันหรือ ? ” พวกเขากล่าวว่า “ ชายชาวยิวผู้นี้กำลังจับกุมท่านอยู่มิใช่หรือ ? ” ท่านกล่าวว่า
“พระผู้อภิบาลของฉัน ผู้ทรงเกรียรติผู้ทรงเกรียงไกร มิได้ทรงแต่งตั้งฉันมาเพื่อที่ฉันจะอธรรมต่อคู่พันธะสัญญาหรือบุคลลอื่นใด”
รุ่งเช้าของวันต่อมาเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องในเวลานั้นชายชาวยิวผู้นั้นได้กล่าวปฏิญาณตนว่า “ข้าพระองค์ขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และข้าพระเจ้าขอปฏิญาณว่า แท้จริงมุฮัมมัดคือศาสนทูตของอัลลอฮ์ ข้าพเจ้าขอมอบทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของตนเองในหนทางของพระผู้เป็นเจ้า” จากนั้นเขากล่าวว่า โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าปฏิบัติต่อท่านนั้นมิได้เป็นการลบหลู่ท่าน ข้าพเจ้าเพียงแต่ต้องการรับรู้ถึงคุณลักษณะต่างๆของท่านว่าตรงกับสิ่งที่ถูกสัญญาไว้แก่พวกเราในคัมภีร์เตารอตหรือไม่ เนื่องจากข้าพเจ้าได้อ่านพบในคัมภีร์นั้นว่า “มุฮัมมัด บุตรของอับดุลลอฮ์ คือผู้ที่จะถือกำเนิดขึ้นในนครมักกะฮ์ และจะอพยพไปยังนครมะดีนะฮ์ เขาไม่ใช่ผู้ที่หยาบคายและแข็งกระด้าง ไม่พูดจาเสียงดัง ไม่พูดในสิ่งที่น่าเกลียดและลามก บัดนี้ข้าพเจ้าขอปฏิญาณในความเป็นเอกะของพระผู้เป็นเจ้าและความเป็นศาสนทูตของท่าน และขอมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้อยู่ในอำนาจการใสช้สรอยของท่าน สิ่งใดก็ตามที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาข้าพเจ้าจะปฏิบัติมัน”
ในช่วงท้ายของเรื่องราว ท่านอิมามอะลี อ. ได้กล่าวว่า ชายชาวยิวผู้นี้มีทรัพย์สมบัติมากมาย ส่วนท่าน ศาสนทูตนั้น ท่านจะนอนคลุกกายด้วยผ้าคลุมของท่านเสมอในทุกค่ำคืนและท่านมีหมอนใบหนึ่งที่ทำจากหนังสัตว์ซึ่งด้านในของมันเป็นเส้นใยของอินทผาลัม ในค่ำคืนหนึ่งพวกเขาได้ทำให้ผ้าห่มของท่านเป็นสองผืน ตื่นเช้าขึ้นมาท่านกล่าว่า “ที่นอนของฉันในค่ำคืนที่ผ่านมาได้ทำให้ฉันพลาดจากการนมาซ(นะฟิละฮ์) ท่านสั่งว่าทีหลังให้ใช้ผ้าคลุมกายเพียงผืนเดียว
- ท่านจะรีดนมแพะด้วยตนเอง เมื่อคนรับใช้ของท่านเหนื่อยจากการโม้แป้ง ท่านก็จะช่วยเขา
 - ท่านจะจัดเตรียมน้ำสำหรับทำวุฏุอ์ในยามค่ำคืนด้วยตัวท่านเอง
 - เวลาที่ท่านเดินทางไม่มีผู้ใดจะเร็วล้ำหน้าท่านได้ ช่วงเวลาขณะนั่งท่านจะไม่พิงกาย
 - ท่านจะช่วยเหลือครอบครัวในการทำงานต่างๆภายในบ้าน และจะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นเล็กๆด้วยมือของท่านเอง
 - เมื่อรับประทานอาหาร ท่านจะนั่งเหมือนบ่าวทั่วไป และไม่เคยเรอ อันเนื่องจากรับประทานอาหารจนอิ่มแปร้
 - ท่านไม่เคยสวมใส่เสื้อผ้าสองตัวในเวลาเดียวกัน ส่วนใหญ่เสื้อผ้าของท่านจะเป็นสีขาว ท่านจะสวมใส่ผ้าโพกศรีษะไว้บนหมวกอีกทีหนึ่ง ท่านจะมีเสื้อผ้าเฉพาะสำหรับวันศุกร์ ท่านจะมีผ้าคลุมกายผืนหนึ่ง
 - ทุกครั้งเมื่อท่านต้องการจะนั่งที่ใดท่านจะพับมันเป็นสองทบ แล้วรองนั่ง ท่านจะสวมใส่แหวนเงินวงหนึ่งในในนิ้วก้อยข้างขวา
 - บางครั้งท่านจะเดินตามขบวนที่แห่ศพไปฝัง(ญะนาซะฮ์)ด้วยเท้าเปล่าโดยไม่สวมผ้าคลุมกาย และผ้าโพกศรีษะ
 - ท่านจะไปเยี่ยมผู้ป่วยแม้ว่าบ้านของเขาจะอยู่ในสถานที่ห่างไกลที่สุดของเมือง
 - ท่านจะนั่งร่วมวงกับคนยากจนและรับประทานอาหารร่วมกับพวกเขา จะหยิบอาหารให้พวกเขาด้วยมือของท่านเอง
 - ท่านจะให้เกียรติบุคคลที่มีมารยาทงดงาม จะแสดงความสนิทสนมกับบรรดาบุคคลผู้มีเกียรติ จะปฏิบัติดีต่อพวกเขา และไม่เคยทำให้ผู้ใดไม่สบายใจ
 - ท่านจะให้อภัยแก่ผู้ที่ขออภัยท่านเสมอ
 - นอกจากช่วงเวลาที่คัมภีร์อัลกุรอานถูกประทานลงมายังท่าน หรือในขณะที่ท่านทำการตักเตือนแล้ว ส่วนมากท่านจะยิ้มแย้มกับประชาชน และบางครั้งท่านจะขำโดยไม่หัวเราะแบบเสียงดัง
 - ท่านไม่เคยใช้วาจาที่หยาบคายกับใคร และไม่เคยด่าประณามสตรีและคนรับใช้คนใด ครั้งที่มีผู้ใดถูกตำหนิต่อหน้าท่าน ท่านจะกล่าวว่า “พวกท่านอย่าไปยุ่งกับเขาเลย ”
 - ท่านไม่เคยกระทำไม่ดีตอบโต้ใคร และท่านจะไม่ใส่ใจต่อความผิดพลาดของพวกเขา และไม่ถือโทษโกรธเคืองพวกเขาเมื่อพบเจอผู้ใด
 - ท่านจะให้สลามและกล่าวทักทายก่อน และหลังจากนั้นจะสัมผัสมือกับเขา
 - ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ จะไม่นั่งหรือลุกขึ้นยืน เว้นแต่จะต้องกล่าวรำลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า
 - และถ้าท่านกำลังนมาซอยู่ หากมีผู้ใดมานั่งลงข้าง ๆ ท่าน ท่านจะเร่งรีบทำนมาซให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และจะหันไปถามเขาผู้นั้นว่า “ ท่านมีธุระอะไรกับฉันหรือไม่ ? ”
 - โดยส่วนใหญ่แล้วการนั่งของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ จะเป็นเช่นนี้คือ ท่านจะยกหน้าแข้งทั้งสองข้างตั้งชัน และใช้แขนทั้งสองข้างของท่านโอบล้อมมันไว้
 - และเวลาที่ท่านเข้าไปในที่ชุมนุมใด ๆ ท่านจะนั่งลงในสถานที่ว่างเปล่าที่ใกล้ที่สุด และโดยส่วนใหญ่แล้วท่านจะนั่งหันหน้าไปทางกิบละฮ์
 - ผู้ใดก็ตามที่เข้ามาพบท่าน ท่านจะให้เกียรติเขา และบางครั้งท่านจะเอาผ้าคลุมกายของท่านปูรองให้เขานั่ง หรือบางที่ท่านจะให้เขานั่งบนที่นั่งของท่าน
 - บุคลิกภาพของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ทั้งในเวลาที่พึงพอใจและในเวลาโกรธ จะเป็นแบบเดียวกัน และจะไม่พูดสิ่งใดนอกจากความจริง
 - ท่านรังเกียจการถือโชคลาง และชอบที่จะพูดคุยในสิ่งที่ดีงามตลอดเวลา หากผู้ใดก็ตามที่พูดในสิ่งที่เป็นเรื่องเท็จต่อหน้าท่าน ท่านจะยิ้มและกล่าวว่า “ มันคือคำพูดหนึ่งที่เขาได้พูดเอง ”
 - เมื่อท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ พูดหรือถูกถามสิ่งใด ท่านจะกล่าวซ้ำมันสามครั้ง เพื่อท่านจะได้เข้าใจคำพูดของเขา และทำให้ผู้อื่นเข้าใจคำพูดของท่าน
 - เมื่อมีมุสลิมคนหนึ่งให้สลามท่านด้วยการกล่าวว่า “ อัสสะลามุอะลัยกะ ” ท่านจะกล่าวตอบว่า “ วะอะลัยกัสสะลามุ วะเราะฮ์มะตุลลอฮ์ ” และหากเขากล่าวว่า “ อัสสะลามุอะลัยกะ วะเราะฮ์มะตุลลอฮ์ ” ท่านจะกล่าวตอบว่า “ วะอะลัยกัสสะลามุ วะเราะฮ์มะตุลลอฮิวะบะรอกาตุฮ์ ” ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ จะตอบรับสลามที่ยาวกว่าด้วยวิธีการเช่นนี้เสมอ
 - เมื่อท่านมองไปยังบุคคลใดที่ท่านพึงพอใจในตัวเขา ท่านจะถามว่า “ เขามีอาชีพอะไร ? ” หากเขาตอบว่า “ ข้าพเจ้าไม่ได้ทำงานอะไร ” ท่านจะกล่าวว่า “ เขาได้สูญเสียความชื่นชมจากฉัน ” เมื่อท่านถูกถามว่า “ โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ทำไมเขาได้สูญเสียความชื่นชมจากท่าน ” ท่านจะตอบว่า “ เพราะว่าบรรดาผู้ศรัทธาคนใดก็ตามเมื่อเขาไม่มีอาชีพการงาน เขาก็จะใช้ศาสนาของเขาเป็นสื่อในการยังชีพ ”
 - ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ จะหวีผมของท่านอยู่เสมอ และท่านมักจะลูบมันให้เรียบโดยใช้น้ำ และท่านจะกล่าวว่า “ น้ำก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มุอ์มิน ( ผู้ศรัทธา ) มีกลิ่นกายที่สะอาด ”
 
ท่านกล่าวว่า “ การตัดแต่งหนวดไม่ให้ปิดริมฝีปาก คือซุนนะฮ์ ( แบบฉบับ ) อย่างหนึ่งของฉัน ชายมะฮซี ( พวกบูชาไฟ ) จะโกนเคราและจะปล่อยหนวดไว้จนยาว แต่พวกเราจะตัดแต่งหนวดของตนเองและไว้เครายาว ”
ท่านอิมามศอดิก กล่าวว่า “ ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ จะมีภาชนะเฉพาะสำหรับใส่เครื่องหอม ทันทีหลังจากการทำวุฎุอ์ทุกครั้ง ท่านจะหยิบมันและทาไปบนร่างกายของท่านให้มีกลิ่นหอม เมื่อท่านออกจากบ้านกลิ่นของน้ำหอมจะกระจายไปทั่วสถานที่ที่ท่านเดินผ่านไป ”
หากมีผู้ใดยื่นน้ำหอมให้ท่าน ท่านจะนำมันมาลูบทาตามร่างกายของท่าน โดยท่านจะกล่าวว่า “ กลิ่นของมันนั้นสะอาดบริสุทธิ์ และการพกพามันก็เป็นสิ่งง่ายดาย ” และท่านจะใช้จ่ายเงินไปกับการซื้อเครื่องหอมมากกว่าการใช้จ่ายในเรื่องของอาหาร
นี้คือบางส่วนจากมารยาทที่งดงามของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ.
		
		



![กิจกรรมช่วงบ่ายวันอาชูรอ ชุมชนมัสยิดดารุซซะฮ์รอ อ. [ร่วมเดินเท้ารำลึกถึงกองคาราวานท่านหญิงซัยหนับ]](https://mubahala.net/wp-content/uploads/2022/08/298769655_599667181566282_3179114266681750340_n-1-100x75.jpg)







![ดุอาฮ์ขอให้กับภรรยาและบุตรเพื่อบั้นปลายที่สงบสุข[ดุอาฮ์จากคัมภีร์อัลกุรอ่าน]](https://mubahala.net/wp-content/uploads/2022/05/istockphoto-1142232101-1024x1024-1-100x75.jpg)

