หน้าแรก ประวัติศาสตร์ อัตชีวประวัติ 14 มะฮ์ซูม ตอน : กำเนิด อะลี บิน อบีฎอลิบ อ. บุตรแห่งกะบะฮ์

อัตชีวประวัติ 14 มะฮ์ซูม[ประวัติศาสดามุฮัมมัด-บทที่ 7] ตอน : กำเนิด อะลี บิน อบีฎอลิบ อ. บุตรแห่งกะบะฮ์

149

อะลี บุตรแห่ง อบูฎอลิบ อ. ถือกำเนิดในวิหารกะบะฮ์ อะลี ถือกำเนิดในวันที่ 13 เดือนรอญับ ปีที่ 30 ของปีช้าง(ค.ศ. 600)ขณะนั้นมุฮัมมัดผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของอะลีมีอายุได้ 30 ปี บิดามารดาของอะลี คือ อบูฎอลิบ บุตร อับดุลมุตฎอลิบ และฟาฎิมะฮ์บุตราวของอะซัด ทั้งสองมาจากตระกูลของฮาชิม

divider

ประวัติศาสตร์อิสลาม [ประวัติศาสดามุฮัมมัด-บทที่ 7] ตอน: กำเนิด อะลี บิน อบีฎอลิบ อ. บุตรแห่งกะบะฮ์

อะลี ถือกำเนิดในวันที่ 13 เดือนรอญับ ปีที่ 30 ของปีช้าง(ค.ศ. 600)ขณะนั้นมุฮัมมัดผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของอะลีมีอายุได้ 30 ปี บิดามารดาของอะลี คือ อบูฎอลิบ บุตร อับดุลมุตฎอลิบ และฟาฎิมะฮ์บุตราวของอะซัด ทั้งสองมาจากตระกูลของฮาชิม

อะลีถือกำเนิดในกะอ์บะฮ์ ณ นครมักกะฮ์ มัสอูดีย์ นักประวัติศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ชาวซุนนนะห์ ได้เขียนไว้ในหน้าที่ 76 เล่มที่ 2 ของหนังสือของเขาที่มีื่อว่า มุรุจ อุซ ซะฮับ(ทุ่งหญ้า สีทอง) ดังว่า “เกียรติยศอันยิ่งใหญ่ที่่สุดประการหนึ่งที่ อะลี ได้รับก็คือ การที่เขาได้เกิดมาในบ้านของพระเจ้า”

และท่านฮากิม นัยชาบูรีย์ ปราชญ์อวุโสของชาวซุนนี่ห์ ได้กล่าวไว้ว่า :

قَالَ الْحَاكِمُ: «وَهَمُّ مُصْعَبٍ فِي الْحَرْفِ الْأَخِيرِ، فَقَدْ تَوَاتَرَتِ الْأَخْبَارِ أَنَّ فَاطِمَةَ بِنْتَ أَسَدٍ وَلَدَتْ أَمِيرَ الْمُؤْمِنِينَ عَلِيَّ بْنَ أَبِي طَالِبٍ كَرَّمَ اللَّهُ وَجْهَهُ فِي جَوْفِ الْكَعْبَةِ
المستدرك على الصحيحين ج3 ص550 المؤلف: أبو عبد الله الحاكم محمد بن عبد الله بن محمد بن حمدويه بن نُعيم بن الحكم الضبي الطهماني النيسابوري المعروف بابن البيع  المتوفى: 405هـ

สารบบสายรายงานต่างๆที่บันทึกเรื่องราวของ ฟาฎิมะฮ์ บินติ อะซัด ได้นางได้คลอดบุตรชาย(อะลี)ภายในวิหารกะบะฮ์ ถือว่าอยู่ในระดับมุตะวาตีร(มีการบันทึกกันอย่างแพร่หลายจนไม่อาจที่จะปฎิเสธข่าวนี้ได้)อัล-มุสตัดร๊อก เล่ม 3 หน้า 373

ولادت حضرت علی

 

และท่านอบี อับดุลลอฮ์ มุฮัมมัด บิน ยูซุฟ รู้จักกันในนาม กันจีย์ อัชชาฟีอีย์(เสียชีวิต ฮ.ศ. 658) ถือเป็นปราชญ์อวุโสอีกท่านหนึ่งของชาวซุนนี่ห์สายชาฟีอีย์ ท่านได้กล่าวไว้ในหนังสือ กิฟายะตุฎ ฎอลิบ ของท่านว่า

وُلِدَ أَمِيرُ اَلْمُؤْمِنِينَ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ عَلَيْهِ السَّلاَمُ بِمَكَّةَ فِي بَيْتِ اَللَّهِ اَلْحَرَامِ   سَنَةً ثَلاَثِينَ بَعْدَ عَامِ اَلْفِيلِ و لَمْ يُولَدْ قَطُّ فِي بَيْتِ اَللَّهِ تَعَالَى مَوْلُودٌ سِوَاهُ لاَ قَبْلَهُ و لاَ بَعْدَهُ إکراما له بذلک ، وإجلالا لمحله فی التعظیم

อะลี บิน อบีฏอลิบ ถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ที่ 13 เดือนรอญับ ปีช้าง ในบัยตุลลอฮ์ อัลฮะรอม ซึ่งไม่เคยมีใครก่อนหน้าเขาได้เคยถือกำเนิดในนั้น และหลักจากเขาก็ไม่เคยมีใครด้วยเช่นกัน  จวบจนปัจจุบันนี้ก็ไม่เคยมีว่าใครอื่นได้ถือกำเนิดใน บัยตุลลอฮ์อีก

ولادت حضرت علی در کعبه

 

ประวัติโดยย่อ กำเนิดกะบะฮ์ อะลี บุตรแห่ง อบูฎอลิบ

ในแหล่งอ้างอิงต่าง ๆ ได้กล่าวว่า ในขณะที่ท่านอับบาส บุตรของอับดุลมุฏฏอลิบ พร้อมด้วยบุคคลอีกจำนวนหนึ่งได้นั่งอยู่ด้านหน้าอาคารกะอ์บะฮ์ในมัสยิดุลฮะรอม ทันใดนั้นเอง ฟาฏิมะฮ์ บินติอะซัด ก็ปรากฏตัวขึ้นในสภาพที่มีอาการเจ็บครรภ์ ทำให้นางเกิดความทุกข์ทรมาน นางได้เข้ามายังอาคารกะอ์บะฮ์และกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า! ข้าพระองค์มีศรัทธาต่อพระองค์ ต่อบรรดาศาสดาทั้งมวลของพระองค์ และบรรดาคัมภีร์ที่ถูกประทานลงมาจากพระองค์ และข้าพระองค์เชื่อมั่นในคำพูดต่างๆ ของท่านศาสดาอิบรอฮีม ปู่ทวดของข้าพระองค์ และศรัทธามั่นต่อท่านผู้ที่ได้วางรากฐานอาคารกะอ์บะฮ์นี้ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า! ด้วยสิทธิของผู้ที่วางรากฐานอาคารกะอ์บะฮ์นี้ และด้วยสิทธิของทารกน้อยที่อยู่ในครรภ์ของข้าพระองค์ผู้นี้ โปรดบันดาลให้การคลอดของเขาเป็นความง่ายดายสำหรับข้าพระองค์ด้วยเถิด”

ทันใดนั้นพวกเราเห็นผนังของอาคารกะอ์บะฮ์แยกออก ฟาฏิมะฮ์ได้เข้าไปในอาคารนั้น และหายลับไปจากสายตาของพวกเรา และผนังอาคารกะอ์บะฮ์ก็ได้ประกบเข้าสนิทเหมือนก่อนหน้านั้น เมื่อพวกเราเห็นเช่นนั้น พวกเราต้องการที่จะเปิดกุญแจประตู แต่ทว่าไม่สามารถเปิดมันได้

ข่าวดังกล่าวได้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วในเมืองมักกะฮ์ หลังจากที่เหตุการณ์นี้ผ่านพ้นไปเป็นเวลาสามวัน และในวันที่สี่ ฟาฏิมะฮ์ได้ออกมาจากสถานที่แห่งนั้น โดยที่อะลี อ. อยู่ในอ้อมกอดของนาง และนางได้กล่าวกับประชาชนว่า “พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งทรงบันดาลให้ฉันมีความดีงามเหนือกว่าบรรดาสตรีก่อนหน้าฉัน ฉันได้เข้าไปภายในบ้านของพระผู้เป็นเจ้า และฉันได้รับประทานปัจจัยดำรงชีพและผลไม้สวรรค์ เมื่อฉันต้องการที่จะออกจากอาคารแห่งนี้ มีผู้กล่าวกับฉันว่า โอ้ฟาฏิมะฮ์เอ๋ย! จงตั้งชื่อทารกน้อยผู้นี้ว่า อะลี เถิด พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งทรงตรัสว่า ข้าได้แยกชื่อเขาออกมาจากชื่อของข้าเอง และเขาคือผู้ที่จะทำลายรูปเจว็ดทั้งหลายที่อยู่ในบ้านของข้า”

กวีชาวอาหรับคนหนึ่งได้แต่งบทกวีบรรยายถึการถือกำเนิดของ อิมามอะลี อ. ไว้ดังนี้

ท า ร ก นี้ คื อ อ ะ ลี ผู้ ป ระ เ ส ริ ฐ       

กำ เ นิ ดใ น บ้ า น ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ เ ป็ น ที่ ห ม า ย

ณ บ้ า น นี้ ที่ เ ว็ ด ถู ก ทำ ล า ย

กำ เ นิ ด แ ร ก  แล ะ สุ ด ท้ า ย ใ น ก  ะ อ์ บ ะ ฮ์

 

مولود کعبه - ویکی شیعه

การถือกำเนิดในวิหารกะบะฮ์ ถือเป็นเกียรติยศประการหนึ่งในอีกหลายๆประการที่อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงมอบให้กับอิมามอะลี อ. เกียรติยศอีกประหนึ่งที่เขาได้รับก็คืือ เขาไม่เคยให้การสรรเสริญเทวรูปใดๆเลย สิ่งนี้อีกเช่นกันที่ทำให้ท่านอิมามอะลี อ. มีความสูงส่ง เนื่องแต่ชาวอาหรับทั้งมวลล้วนกราบไหว้เทวรูปมาเป็นเวลาอันยาวนาน ก่อนที่พวกเขาจะลิทิ้งลัทธิการกราบไหว้เทวรูปแล้วหันมายอมรับอิสลาม ด้ยเหตุนี้ที่เขาจึงถูกขนานนามว่า[كَرَّمَ اللَّهُ وَجْهَهُ] “ผู้ซึ่งใบหน้าของเขาได้รับเกียรติจาก อัลลอฮ์”  ใบหน้าของเขาได้รับเกียรติจากพระเจ้าอย่างแท้จริง เพราะมันเป็นเพียงใบหน้าเดียวที่ไม่เคยก้มคารวะต่อหน้าเทวรูปองค์ใดเลย

ท่านอิมามอะลี อ. เป็นลูกคนเล็กของคนในครอบครัว มีพี่ชายสามคน คือ ฎอลิบ ,อะกีล และญะฟัร

อิมามอะลี อ. เป็นบุตรคนเดียวของตระกูลฮาชิมี ที่ทั้งบิดาและมารดาเป็นบุตรหลานที่มาจากตระกูลฮาชิมีด้วยกัน บิดาของท่านคือ อบูฏอลิบ บุตรของอับดุลมุฏ็อลลิบ บุตรของ ฮาชิม บุตรของอับดุลมะนาฟ มารดาของท่านคือ ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ บุตรีของอะซัด บุตรของ ฮาชิม บุตรของอับดุลมะนาฟ

ولادت حضرت علی علیه السلام در کعبه - رهیافته انجمن شهید ادواردو آنیلی

ชีวิตในวัยเด็กของ อะลี บิน อบีฎอลิบ อ. 

อะลี อ.  อยู่กับบิดามารดาจนกระทั่งอายุได้ 5 ขวบ พระเจ้าประสงค์ให้เขาเป็นมนุษย์ ผู้สมบูรณ์ ทรงมอบให้ศาสดา ศ. เป็นผู้อบรมสั่งสอนโดยตรง เมื่ออะลีมีอายุได้ 5 ขวบ ท่านศาสดา ศ. ได้รับเขามาเป็นสมาชิกของครอบครัว และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาท่านทั้งสองไม่เคยพรากจากกันเลย นักประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า ครั้งหนึ่งได้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงในนครมักกะฮ์และปริมณฑล อบูฏอลิบในขณะนั้นก็อัตคัดขัดสนอย่างเหลือแสน ต้องประสบกับความยากลำบาก ในการเลี้ยงดูครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ ท่านศาสดาเล็งเห็นว่าท่านควรที่จะช่วยแบ่งเบาภาระรับผิดชอบบางประการให้กับลุง ท่านศาสดา ศ. จึงปรึกษากับอับบาสลุงของท่าน และตกลงกันว่าให้เอาบุตรของอบูฏอลิบไปดูแลคนละคน เพื่อแบ่งเบาภาระของอบูฏอลิบ และอับบาซได้นำญะอฺฟัรไปดูแล ส่วนศาสดา ศ. ได้นำอาลีไปดูแล ด้วยเหตุนี้ท่านอะลี อ.  จึงอยู่ในการดูแลของท่านศาสดาอย่างสมบูรณ์ ท่านใกล้ชิดกับท่านศาสดาดุจเงาตามตัว ถึงขนาดที่ว่า เมื่อใดที่ท่านศาสดาออกนอกเมือง ไม่ว่าจะไปภูเขา หรือทะเลทราย จะต้องนำเอาอะลี อ.  ไปด้วยทุกครั้ง

บทวิเคราะห์ในเรื่องดังกล่าว

อาลีเป็นลูกคนเล็กสุดในครอบครัว มีพี่สามคนคือ ฏอลิบ อะกีล และญะฟัร  การกำเนิดของอาลีทำให้หัวใจของศาสนทูตเปี่ยมล้นไปด้วยกับความปิติเป็นที่สุด ทารกน้อยนี้เป็นคน “ พิเศษ ” สำหรับท่านด้วยกับการสังเกตุของนักประวัติศาตร์ที่ว่า ทั้งนี้เพราะท่านศาสดามีลูกพี่ลูกน้องอีกหลายคน ซึ่งต่างก็มีลูก ๆทั้งหมด แต่สำหรับอาลีนั้นเขามีพี่ชายอีกสาม แต่ท่านศาสดาก็มิได้แสดงออกซึ่งความสนใจต่อคนใด คนหนึ่งเป็นพิเศษ แต่สำหรับอาลีแล้วเป็นคนพิเศษยิ่งสำหรับท่านนบี อาลีเท่านั้นที่เป็นจุดรวมแห่งความสนใจ และความรักของท่าน

เมื่ออาลีมีอายุได้ห้าขวบท่านศาสดาได้รับเขามาเลี้ยงดู และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาท่านทั้งสองไม่เคยพรากจากกันเลย

นักประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า ครั้งหนึ่งได้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงในนครมักกะฮ์และปริมณฑล อบูฏอลิบในขณะนั้นก็อัตคัดขัดสนอย่างเหลือแสน ต้องประสบกับความยากลำบาก ในการเลี้ยงดูครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ ท่านศาสดาเล็งเห็นว่าท่านควรที่จะช่วยแบ่งเบาภาระรับผิด บางประการให้กับลุงของท่าน จึงเร่งรีบจัดการรับอาลีมาอยู่ในความดูแลของท่าน

ข้อเท็จจริงที่ว่า ท่านศาสดารับเอาอาลีมาเลี้ยงที่บ้านนั้นไม่ใช่เพราะเหตุผลดังกล่าวข้างต้น เพราะว่า

ประการแรก . อบูฏอลิบก็มิได้ตกอยู่ในสภาพที่มีความอัตคัดขันสนเช่นนั้น จนถึงขนาด ที่จะเลี้ยงลูกอายุห้าขวบคนหนึ่งไม่ได้ อบูฏอลิบเป็นคนที่มีเกียรติและมีฐานะ มีกองคาราวานเดินทางอยู่ระหว่างฮิญาซกับซีเรีย หรือระหว่างฮิญาซกับเยเมน

ประการที่สอง. การเลี้ยงดูเด็กอายุห้าขวบก็ไม่ได้ทำให้เกิดความแตกต่างอันใดต่อคนที่เคยให้การเลี้ยงดู แม้แต่คนที่แปลกหน้าที่หิวโหย

 

เหตุผลที่มุฮัมมัดศาสนทูตแห่งพระเจ้านำอะลี อิบนิ อบีฏอลิบเข้ามาอยู่ในบ้าน

เหตุผลแรก. ท่านศาสดากับท่านหญิงคอดีญะฮ์เอาอาลีมาอยู่ในบ้าน หลังจากที่บุตรชายของตนเองเสียชีวิตไป อาลีจึงมาเติมช่องว่างในชีวิตของท่านทั้งสองให้เต็ม

เหตุผลที่สอง. นอกจากเหตุผลข้างต้นแล้ว ท่านศาสดามีเหตุผลอื่นอีกเช่นกันที่ได้นำอาลีมาอยู่ในบ้าน ท่านได้เลือกอาลีมาเพื่ออบรมเลี้ยงดู เพื่อเข้าสู่จุดหมายอันยิ่งใหญ่ที่กำลังรอคอยท่านอยู่ในอนาคต และนี่เป็นเกียรติยศอีกประการหนึ่งที่อาลีได้รับ ซึ่งไม่มีผู้ใดจะเทียบเทียมอาลีได้

อาลีถูกกำหนดให้เป็นมือขวาแห่งอิสลาม เป็นโล่เป็นขอยึดของมุฮัมมัดศาสนทูต แห่งพระเจ้า จุดหมายปลายทางของเขานั้นไม่อาจจะแยกออกจากจุดหมายปลายทางของอิสลามและชีวิตของท่านศาสดาได้ เขาปรากฏตัวอยู่ในทุกชุมทางในประวัติศาสตร์ของกระบวนการเคลื่อนไหวแนวใหม่นี้ และเขาเป็นผู้แสดงบทบาทในฐานะดารา นับเป็นโอกาสดีอีกเช่นกันที่บทบาทนี้ไม่อาจมีผู้ใดมาแสดงได้เว้นเสียแต่เขาเพียงผู้เดียว เขาได้สะท้อนภาพของมุฮัมหมัดออกมา คัมภีร์ของพระเจ้าเองที่ได้เรียกเขาว่าเป็น   “ วิญญาณ ”  หรือตัวตนที่สองของมุฮัมหมัด  ดังปรากฏอยู่ในซูเราะห์ที่สามโองการที่ 61 ว่า : ดังนั้น เมื่อความกระจ่าง ( เรื่องอีซา ) ได้มายังเจ้าแล้ว ยังมีผู้โต้เถียงเจ้าในเรื่องนี้ จงกล่าวกับพวกเขาว่า ให้พวกเจ้าจงมาเถิดเราจะเรียกลูก ๆ ของเราและลูก ๆ ของพวกท่านมา เรียกผู้หญิงของเราและผู้หญิงของพวกเจ้ามา และตัวของเรา และตัวของท่านมา เวลานั้นเราจะวิงวอนกัน ( สบถ ) และขอให้การสาปแช่งอัลลอฮ์พึงประสบแก่ผู้มุสา ”    

เหตุการณ์รู้จักกันในนามของ “เหตุการณ์มุบาฮะละฮ์”  และจากเหตุการณ์ข้างต้นนี้ทำให้ชื่อเสียงอันเลื่องลือของเขาได้ขจรขจายไปทั่วทุกสารทิศแห่งประวัติศาสตร์

ในเวลาอีกไม่กี่ปีต่อมา การรวมพลังสร้างสรรค์ของมุฮัมมัดกับอาลี ผู้เป็นนายกับสาวกกำลังจะรวมกันจัดตั้ง “ อาณาจักรแห่งพระเจ้า ” ไว้บนแผนที่โลก

อิมามอะลี อ.  กล่าวถึงเวลาเหล่านั้นว่า แน่นอน ฉันเคยติดตามท่านศาสดาเหมือนลูกอูฐติดตามรอยเท้าของแม่ ท่านได้มอบจริยธรรมทางด้านวิชาการแก่ฉันทุกวัน ท่านสั่งสอนให้ฉันเชื่อฟังปฏิบัติตาม ท่านจะขึ้นไปที่ถ้ำ “ฮิรอ” ทุกปี ซึ่งมีฉันเพียงคนเดียวที่เห็นท่าน ในเวลานั้นยังไม่มีผู้ใดเข้าร่วมขบวนการอิสลาม นอกเหนือจากท่านศาสดา ท่านหญิงคอดิญะฮฺ และฉันเท่านั้น ฉันเห็นรัศมีแห่งวะฮฺยู และฉันได้สูดดมกลิ่นหอมของสภาวะการเป็นศาสดา