ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ต้องการจะจดบันทึกสิ่งใดในเหตุการณ์พฤหัสวิปโยค

พินัยกรรมของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์หลังเหตุการณ์พฤหัสวิปโยค มีการตั้งคำถามว่า "พินัยกรรมที่ท่านศาสนทูตของพระเจ้าปรารถนาที่จะบันทึกในวันพฤหัสวิปโยค แต่ถูกท่านอุมัร บิน ค็อตต็อบ คัดค้านเสียก่อน แล้วท่านศาสนทูตของพระเจ้าต้องการที่จะบันทึกสิ่งสำคัญยิ่ง อันใด หรือ ที่พวกเขาจึงต้องลุกขึ้นมาคัดค้าน ? อะไรจะสมเหตุสมผลมากไปกว่าการตั้งข้อสันนิฐานไว้ว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. มีความประสงค์ที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อที่จะรับประกันความมั่นคง และการอยู่รอดตลอดไปของอิสลาม จะมีอะไรเป็นเรื่องโดยธรรมชาติมากไปกว่าการที่ท่านต้องการให้อิสลามดำรงอยู่ตลอดไปเท่าที่ท่านจะสามารถทำได้ โดยการทำพินัยกรรมหรือคำสั่งเสียไว้ มุสลิมจะจินตนาการได้หรือไม่ว่าศาสดามุฮัมมัด ศ. จะสามารถละเลยหน้าที่สำคัญในการเขียนคำสั่งเสียสำหรับประชาติของท่าน คำสั่งเสีย พินัยกรรมของศาสดามูฮัมมัด ศ. ที่ระบุอย่างชัดเจน...

เหตุการณ์พฤหัสวิปโยคในตำราศ่อฮิห์บุคอรีย์และมุสลิม

เหตุการณ์พฤหัสวิปโยคในตำราศ่อฮิห์บุคอรีย์และมุสลิม ก่อนที่ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ มุฮัมมัด มุสทอฟาฮ์ ใกล้จะจากโลกนี้ไปนั่นเอง ท่านได้ออกคำสั่งให้สาวกที่อยู่รายรอบท่านนำเอาปากกา กระดาษและน้ำหมึกมา เพื่อให้มีการบันทึกคำสั่งสำหรับ อุมมะฮ์(ประชาชาติ)ซึ่งจะเป็นการปกป้องจาการหลงผิดและป้องกันการแตกแยก นับเป็นความต้องการที่สมเหตุสมผลที่สุด ในการที่ชายคนหนึ่งขณะนอนอยู่บนเตียง และกำลังจะจากโลกนี้ไปในทุกขณะจิต จะต้องทำเช่นนั้น แต่ท่านศาสนทูตต้องพบกับการฝ่าฝืน !!! มีกลุ่มสาวกกลุ่มหนึ่งไม่ต้องการให้ท่านเขียนคำสั่งเสีย สาวกกลุ่มนั้นนำหัวขบวนโดยท่านอุมัร บิน ค็อตต็อบ เขากล่าวคัดค้านท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ว่า "มุฮัมมัดเพ้อไปแล้ว อัล-กุรอ่านที่เรามีอยู่ก็เพียงพอสำหรับพวกเราแล้ว"  บุคอรีย์ได้บันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ในศ่อฮิห์ ในถ้อยคำต่อไปนี้ ขณะที่ศาสดามุฮัมมัด ศ. มีไข้ขึ้นสูง และอยู่ในวงล้อมของผู้มาเยือน นั่นคือ...

ผู้รู้ชาววะฮ์ฮาบีย์ ให้ทัศนะไว้ว่า การที่ท่านอุมัรขัดคำสั่งนบี ศ. คือ ความเมตตาหนึ่งจากอัลลอฮ์ !!!!

อุซัยมีนพูดไว้ว่า : การขัดขวางท่านนบี ศ. ของท่านอุมัร ในการเขียนคำสั่งเสีย คือ ความเมตตาจากอัลลอฮ์ !!! เป็นความเมตตาที่ทำให้ท่านอบูบักร ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งคอลิฟะฮ์ อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องราวที่น่าขมขื่นที่สุดในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. ก็คือ เหตุการณ์วันพฤหัสวิปโยค นั้นคือ ในเวลาที่อุมัร และบรรดาชนชั้นหัวหน้าอันเป็นที่รู้จักกันดีภายใต้ชื่อ "ศ่อฮาบะฮ์" มารวมตัวกันอยู่ในบ้านนบี ศ. มุฮัมมัด ศ. ขอให้นำปากกา นำหมึก และกระดาษ ...

เรื่องยอดนิยม

การงานที่ประเสริฐสุดในเดือนรอมฎอน…?

การงานที่ประเสริฐสุดในเดือนรอมฎอน อันจำเริญ...? คำถาม. มีการงานใดบ้างที่ถูกกำชับให้พึงกระทำในเดือนรอมฎอนอันจำเริญ นี้ ? คำตอบ. การละทิ้งบาปต่างๆ และปฎิบัติสิ่งที่เป็นวาญิบ(ภาคบังคับ)ให้ครบถ้วน ,การขอลุแก่โทษจากอัลลอฮ์ในความผิดบาปที่ผ่านมา และมุ่งมั่นที่จะชดเชยมัน ถือได้ว่าอยู่ในลำดับต้นๆที่มุสลิมควรปฏิบัติในช่วงรอมฏอนอัลกะรีม นี้ ริวายัตจากท่านอิมามอะลี อ. ซึ่งได้มีการถามท่านนบี ศ. ว่า : อะมั้ลที่ประเสริฐสุดในเดือนรอมฎอน คือ สิ่งใดครับ ? ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. ตอบว่า أَفْضَلُ الْأَعْمَالِ...

มุตอะห์ ในซุนนะห์ของศ่อฮาบะฮ์นบี ศ. +หลักฐาน

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ มุตอะห์ ในซุนนะห์ของศ่อฮาบะฮ์นบี ศ. มุตอะห์ ในซุนนะห์ของศ่อฮาบะฮ์นบี ศ.  ศ่อฮาบะฮ์นบีเหล่านี้เชื่อว่า มุตอะห์ เป็นสิ่งฮะลาลในอิสลาม และพวกเขาก็เคยทำมุตอะห์...? แล้วทำไมจึงบอกว่า มีเพียงพวกร่อฟิเฎาะฮ์เท่านั้นที่เชื่อเรื่องมุตอะห์ หรือว่าศ่อฮาบะฮ์เหล่านี้คือ ร่อฟิเฎาะฮ์...? ญาบิร บิน อับดุลลอฮ์ อันซอรีย์  وحَدَّثَنَا الْحَسَنُ الْحُلْوَانِيُّ، حَدَّثَنَا عَبْدُ الرَّزَّاقِ، أَخْبَرَنَا...

มาลิก บิน อะนัส(อิหม่ามมาลิก)เชื่อว่า มุตอะห์ฮะลาล

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ มาลิก บิน อะนัส(อิหม่ามมาลิก)อนุญาติให้ทำมุตอะห์ มาลิก บิน อะนัส(อิหม่ามมาลิก)อนุญาติให้ทำมุตอะห์ เราพบบุคคลจำนวนหนึ่งได้จาบจ้วงดูถูกดูหมิ่นฮุก่มของอัลลอฮ์ ที่พระองค์ได้ทรงประทานอายะฮ์อัลกุรอ่านลงมา ว่าด้วยเรื่องอนุมัติให้นิกะฮ์มุตอะฮ์ โดยฝ่ายอคติได้อ้างว่ากฏชะรีอัตนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยได้ยกฮะดิษอุปโลกน์ในสงครามคัยบัร เพื่อสนองแนวคิดของตนเองให้ชอบธรรม และประณามฝ่ายตรงข้ามจนเลยเถิดลงฮุกุมว่า การทำมุตอะห์ คือ การทำซีนา !!! ดังนั้น การวิเคราะห์ในบทความนี้จึงอยู่ตรงประเด็นว่า บรรดาอิหม่ามด้านฟิกฮ์ของชาวซุนนี่ห์ มีท่านใดบ้างที่มีการพาดพิงว่า ท่านอนุญาติให้ทำมุตอะห์ได้ เพื่อให้ผู้อ่านจะได้พิสูจน์ว่าฝ่ายไหนอยู่กับสัจธรรม แล้วให้ปฏิบัติ โดยปราศจากการถือฝักถือฝ่ายอย่างมีอคติ และไม่มีความคิดส่วนตัว ท่านชัมส์ซุดดีน อัสซะร้อกซีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัลมับซูท...

จริงหรือไม่ ที่ชีอะห์เชื่อว่า ตำแหน่งอิมามสูงส่งกว่าตำแหน่งนบี …?

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ จริงหรือไม่ ที่ชีอะห์เชื่อว่า ตำแหน่งอิมามสูงส่งกว่าตำแหน่งนบี ...? จริงหรือไม่ที่มีการอ้างถึงความเชื่อหนึ่งของชีอะห์ว่า บรรดาอิมามทั้งสิบสองท่าน อ. นั้น หลังจากยุคสมัยทวดของพวกท่าน ผู้เป็นนบีคนสุดท้ายและนายของมวลมนุษย์แล้ว ก็จะเป็นผู้มีตำแหน่งสูงส่ง มีฐานภาพที่อยู่เหนือกว่ามนุษย์ทั้งมวล แม้กระทั่งบรรดานบีผู้สูงส่ง...?!!!!! ไม่ใช่เช่นนั้นเสียทีเดียว ! ข้าพเจ้าจะขออธิบายสั้น ๆ เช่นนี้ว่าตำแหน่งนบีถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตำแหน่งนบีทั่วไป กับตำแหน่งนบีเฉพาะ นั้น มีข้อแตกต่างกันมาก ส่วนความเชื่อชีอะห์ที่เชื่อว่าตำแหน่งอิมามสูงกว่าตำแหน่งนบี...

ชีวิตคู่ คือกันและกัน ไม่ได้ให้ความหมายว่า “ต่างฝ่ายต่างเป็นกรรมสิทธิ์เหมือนทรัพย์สินเพื่อการครอบครอง”

ชีวิตคู่ คือกันและกัน ไม่ได้ให้ความหมายว่า "ต่างฝ่ายต่างเป็นกรรมสิทธิ์เหมือนทรัพย์สินเพื่อการครอบครอง"

กุรอาน-ฮะดีษ

จงออกห่างจากการเป็นผู้กดขี่ หรืออธรรมต่อผู้อื่น คำสอนจาก นะญุลบะลาเฆาะ

จงออกห่างจากการเป็นผู้กดขี่ หรืออธรรมต่อผู้อื่น คำสอนจากนะญุลบะลาเฆาะ ท่านอิมามอะลี อ. ได้กำชับให้ออกห่างจากการต้องอธรรมผู้อื่นไว้ในคุฎบะฮ์ 224 จากนะญุลบะลาเฆาะฮ์ ในยุคสมัยที่ท่านกำลังปกครองรัฐอิสลาม ที่มีเมืองหลวงอยู่ในที่กูฟะฮ์ ท่านอิมามอะลี อ. กล่าวว่า : وَ اللَّهِ لَأَنْ أَبِيتَ عَلَى حَسَكِ السَّعْدَانِ مُسَهَّداً أَوْ أُجَرَّ فِي الْأَغْلَالِ مُصَفَّداً،...

บรรดานบีทั้งหลายยังคงมีชีวิตอยู่ ในตำราของชาวซุนนี่ห์

บรรดานบีทั้งหลายยังคงมีชีวิตอยู่ พวกท่านยังคงดำรงการนมาซ และยังคงรับรู้สิ่งต่างๆ พวกท่านยังคงไม่ตาย !!!!  บรรดานบีทั้งหลายยังคงมีชีวิตอยู่ ในตำราของชาวซุนนี่ห์ ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ ศ. กล่าวว่า : قال رسول الله صلی الله علیه وسلّم : « الأنْبِیَاءُ أَحیاءٌ فی قُبُورِهِم یُصَلُّون » บรรดานบีจะอยู่ในสุสานของพวกท่านอย่างคนที่มีชีวิต โดยที่พวกท่านจะทำการนมาซ” ฮะดิษบทนี้จากท่านศาสดามุฮัมมัด...

มนุษย์กำลังหลับไหล ครั้นเมื่อความตายมาถึง พวกเขาก็จะตื่น !!

‎ امام على عليه السلام : اَلنّاسُ نيامٌ فَاِذا ماتُوا انْتَبَهوا؛ มนุษย์กำลังหลับไหล ครั้นเมื่อความตายมาถึง พวกเขาก็จะตื่น !! |วจนะอิมามอะลี อ.

มรรคผลมหาศาลของการได้อ่านอัลกุรอ่าน

มรรคผลมหาศาลของการได้อ่านอัลกุรอ่าน   قال رسول الله -صلى الله عليه وسلم مَنْ قَرَأ حَرْفاً مِنْ كِتاب الله فَلَهُ حَسَنَة، والحَسَنَة بِعَشْرِ أمْثَالِها، لا أقول ألم حَرفٌ، ولكِنْ: ألِفٌ حَرْفٌ، ولاَمٌ حَرْفٌ،...

อะห์ลุลบัยต์

ใครคือ อะห์ลุลบัยต์นบี ใน ฮะดิษษะก่อลัยน์ จากคำกล่าวของท่านอิมามอะลี อ.

ท่านอิมามอะลี อ. กล่าววว่า อะห์ลุลบัยต์  คือฉัน , ฮาซัน , ฮูเซนและบรรดาอิม่ามอีก 9 คนที่สืบเชื้อสายจากลูกหลานของฮูเซน  คนที่ 9 คือ อัล-มะฮ์ดี หรือ อัล-กอเอม ใครคือ อะห์ลุลบัยต์ ใน ฮะดิษษะก่อลัยน์ จากคำกล่าวของท่านอิมามอะลี อ. เราเชื่อว่า จำเป็นสำหรับท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์...

อัลลอฮ์ทรงกำหนดให้ท่านนบีมุฮัมมัดคือผู้ตักเตือน อะลี คือ ผู้ชี้นำสำหรับประชาชาติอิสลาม

สำหรับประชาชาติสุดท้าย พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงประสงค์ให้ท่านนบีมุฮัมมัด ศ. เป็นผู้ตักเตือน ,สอนสั่ง และทรงกำหนดให้ท่านอิมามอะลี อ. คือผู้ชีนำทางสืบต่อไป อัลลอฮ์ทรงกำหนดให้ท่านนบีมุฮัมมัดคือผู้ตักเตือน อะลี คือ ผู้ชี้นำสำหรับประชาชาติอิสลาม หากจะถามว่า "อุมมะฮ์ หรือประชาชาติอิสลามควรจะเลือกใครเป็นผู้ชี้นำ ชี้ขาดในเรื่องของศาสนบัญญัติอิสลามลามสืบต่อจากท่านนบีมุฮัมมัด ศ. ? คำตอบของคำถามนี้ นักฮะดิษ นักตัฟซีรของโลกอิสลามทั้งชีอะห์และซุนนี่ห์ได้บันทึกฮะดิษบทหนึ่งไว้อย่างน่าสนใจว่า เมื่ออายะที่ 7 ของซูเราะห์ อัรเราะดุฮ์ ถูกประทานลงมาอันมีตัวบทและความหมายว่า...

ความรู้ของบรรดาอิมามแห่งอะห์ลุลบัยต์นบี

อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงประทานความรู้ที่ลี้ลับไว้ในอัล-กุรอาน และไม่มีใครตีความหมายได้ นอกจากบรรดาผู้สันทัดจัดเจนทางวิชาการและบรรดาผู้สันทัดจัดเจนทางวิชาการ นั้นคือ อะฮ์ลุลบัยต์ อ.  ความรู้ของบรรดาอิมามแห่งอะห์ลุลบัยต์นบี สิ่งหนึ่งที่อะฮฺลิซซุนนะฮ์จงเกลียดจงชังต่อชีอะฮ์ ก็คือคำพูดของชาวชีอะห์ที่ว่า บรรดาอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ อะลัยฮิมุสสลามนั้น อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงประทานวิชาความรู้แก่พวกเขามากเป็นพิเศษ โดยที่ไม่มีคนอื่นในหมู่มนุษย์มีส่วนร่วมในเรื่องนี้เลย และถือว่าบรรดาอิมาม อ.  คือผู้มีความรู้ที่สุดประจำยุคสมัยของตน จนไม่มีใครอาจท้าท้ายท่านได้เลย เพราะยอมจำนนต่อคำตอบ ข้ออ้างเหล่านั้นมีหลักฐานหรือไม่ ? เราจะเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์หลักฐานจากอัล-กุรอานอันทรงเกียรติเหมือนอย่างเคย และต่อมาก็จะนำเสนอวจนะของท่านศาสนทูตของพระองค์ เป็นลำดับต่อไป อัลลอฮ์...

สิทธิที่เฉพาะของอะห์ลุลบัยต์ คืออำนาจวิลายะฮ์ที่เป็นมรดกสืบทอดจากท่านศาสดา ศ.

สิทธิที่เฉพาะของอะห์ลุลบัยต์ คืออำนาจวิลายะฮ์(อำนาจการปกครองหลังจากท่านนบี)ที่เป็นคำสั่งเสียของท่านศาสนทูตและเป็นมรดกสืบทอดจากท่าน ศ. มุสลิมที่อ้างตนเองว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามคำพูดและการกระทำของท่านศาสดาแห่งอิสลาม และสาวกของท่านได้รับการขนานนามว่า “อะห์ลิซซุนนะฮ์ วัล-ญะมาอะห์” หรือ ซุนนีห์ มุสลิมซุนนี มุสลิมซุนนี่ห์ เชื่อว่าศาสดาแห่งอิสลามไม่ได้แต่งตั้งบุคคลใดเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของท่าน ดังนั้นมุสลิมจึงจำเป็นต้อง สรรหาผู้นำ ของพวกเขากันเอง ด้วยเหตุนี้มุสลิมซุนนีจึงไม่มีวิธีที่แน่นอนในการเลือกสรรผู้นำในอนาคตของพวกเขา ในกรณีหนึ่งบรรดาสาวกสรรหาผู้นำโดยผ่านกระบวนการซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการเลือกตั้ง ในอีกกรณีหนึ่งผู้ที่อยู่ในตำแหน่งคนแรก ดำเนินการเสนอชื่อและแต่งตั้งผู้สืบทอดอำนาจคนต่อไปของตนเองได้เลย ในกรณีที่สามผู้อยู่ในตำแหน่งคนที่สองแต่งตั้งคะกรรมการมา 6 คน และมอบหมายหน้าที่ให้ไปเลือกบุคคลคนหนึ่งจากพวกเขามาเป็นผู้นำในอนาคตของประชาคมมุสลิม ผู้นำคนที่สามที่ได้รับการเลือกสรรถูกสังหารในระหว่างการจลาจลและอุมมะฮ์(ประชาชาติ) มุสลิมถูกทิ้งไว้โดยปราศจากผู้นำบรรดาสาวกจึงกลับมาหาครอบครัวนบี และอ้อนวอนให้บุคคลหนึ่งในครอบครัวของท่านรับผิดชอบรัฐบาลของมุสลิม เพื่อป้องกันการแตกแยกหรือการแตกสลายของรัฐ ผู้นำคนที่สี่กำลังปกครองมุสลิม ขณะเดียวกันผู้เข้าแข่งขันเป็นผู้นำคนใหม่ ไดแต่งตั้งตนเองขึ้นมาในซีเรีย เขาไม่ใยดีกับการเลือกตั้ง ซ้ำท้าทายอำนาจของผู้นำที่ชอบธรรมของมุสลิม...

สร้อยนามอันประเสริฐของท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ คือ “มารดาของบิดาของนาง”[أُمُّ أَبِيْهَا] ให้ความหมายอย่างไร..?

ท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ คือ มารดาของบิดานาง  อุมมุ อะบี ฮาคือสร้อยนามที่แสดงถึงความสูงส่งของท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ อ. อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ คือ มารดาของบิดานาง  อุมมุ อะบี ฮาคือสร้อยนามที่แสดงถึงความสูงส่งของท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ อ. อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ก่อนที่ข้าพเจ้าจะอธิบายความหมายของคำพูดนี้ของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. มาดูตัวบทของฮะดิษที่บันทึกไว้ในตำราของชาวซุนนะห์ ท่านซะฮ์บี ได้บันทึกไว้ในหนังสือ ซียะรุล อะห์ลาม มิล นุบลาฮ์...

ใครคือ ชีอะฮ์ และอะไรคือแนวทางปฎิบัติของพวกเขา..?

 ชีอะฮ์ คือ กลุ่มชนที่มีความเชื่อว่าตำแหน่งผู้นำภายหลังจากท่านศาสดา ศ. เป็นหน้าที่ของท่านอิมามอะลี อ. และลูกหลานอีก 11 ท่าน ซึ่งทั้งหมดสืบเชื้อสายมาจากท่านศาสดา ศ. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอัลลอฮ์ ซ.บ. ชีอะฮ์ คือ กลุ่มชนที่มีความเชื่อว่าตำแหน่งผู้นำภายหลังจากท่านศาสดา ศ. เป็นหน้าที่ของท่านอิมามอะลี อ. และลูกหลาน(อีก 11 ท่าน) ซึ่งทั้งหมดสืบเชื้อสายมาจากท่านศาสดา ศ. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอัลลอฮ์...

วันที่ 1 ของเดือนซุลฮิจญะฮ์ คือวันสมรสของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์กับท่านอิมามอะลี อ.

วันที่ 1 ของเดือนซุลฮิจญะฮ์ คือวันสมรสของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์กับท่านอิมามอะลี อ. ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ศ.  กล่าวว่า : มะลาอิกะฮ์ได้มาหาฉัน แล้วกล่าวว่า โอ้มุฮัมมัด แท้จริงอัลลอฮ์ฝากสลามมายังท่าน และพระองค์ตรัสว่าข้าได้ทำการสมรสฟาฏิมะฮ์ให้กับอะลีในฟากฟ้าเบื้องบนแล้ว ดังนั้นเจ้าจงสมรสเขาทั้งสองบนพื้นภิภพ    การสมรสของท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ อ. กับท่านอิมามอะลี อ. คือพระบัญชาที่ถูกกำหนดมาจากเบื้องบน เมื่อฟาฏิมะฮ์ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ และถึงเวลาที่ท่านจะได้ออกเรือนมีสามี ก็ได้มีสาวกของท่านศาสดาเป็นจำนวนมากแวะเวียนมาสู่ขอนาง و قد كان جماعة من...

ท่านอิมามอะลี อ. เชื่อว่า “ตำแหน่งผู้นำภายหลังท่านนบี ศ. ต้องได้มาโดยการ “แต่งตั้ง” ไม่ใช่ “เลือกตั้ง”

"ตำแหน่งผู้นำ เป็นสิทธิของอะห์ลุลบัยต์ ที่เป็นทั้ง "วะซียะฮ์ คำสั่งเสียของท่านนบี ศ. " และเป็นทั้ง "มรดกสืบทอด จากท่านนบีแก่วงค์วานลูกหลานของท่าน" มุสลิมที่อ้างตนเองว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามคำพูดและการกระทำของท่านศาสดาแห่งอิสลาม และสาวกของท่านได้รับการขนานนามว่า “อะห์ลิซซุนนะฮ์ วัล-ญะมาอะห์” หรือ ซุนนีห์ มุสลิมซุนนี มุสลิมซุนนี่ห์ เชื่อว่าศาสดาแห่งอิสลามไม่ได้แต่งตั้งบุคคลใดเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของท่าน ดังนั้นมุสลิมจึงจำเป็นต้อง สรรหาผู้นำ ของพวกเขากันเอง ด้วยเหตุนี้มุสลิมซุนนีจึงไม่มีวิธีที่แน่นอนในการเลือกสรรผู้นำในอนาคตของพวกเขา ในกรณีหนึ่งบรรดาสาวกสรรหาผู้นำโดยผ่านกระบวนการซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการเลือกตั้ง ในอีกกรณีหนึ่งผู้ที่อยู่ในตำแหน่งคนแรก ดำเนินการเสนอชื่อและแต่งตั้งผู้สืบทอดอำนาจคนต่อไปของตนเองได้เลย ในกรณีที่สามผู้อยู่ในตำแหน่งคนที่สองแต่งตั้งคะกรรมการมา...

อิสลามเบื้องต้น (สำหรับมุสลิมใหม่)

อิสลามเบื้องต้น [บทที่ 16]ความเชื่อเรื่อง “มะอาด” (การคืนสู่ชีวิตใหม่ในโลกหน้า)

“จะมีวันหนึ่งที่โลกจะต้องถึงกาลปาวสาน” คือประโยคร่วมกันที่มีอยู่ในคำสอนของศาสนาต่าง ๆ อิสลาม ,พุธ ,คริส และศาสนาอื่นๆในโลกนี้ และหากย้อนกลับไปดูกระแสความเชื่อเรื่อง "วันสิ้นโลก" นั้น มักจะถูกพูดถึงอยู่เนืองๆ ตลอดมา ถึงขนาดที่มีข่าวการพบกลุ่มคนประหลาด 7 คนที่สื่อเนเธอร์แลนด์ระบุว่าเป็นพ่อกับลูก ตัดขาดจากโลกภายนอกใช้ชีวิตอยู่ในห้องใต้ดินของบ้านในชนบทนาน 9 ปี เพื่อรอคอยวันสิ้นโลก อิสลามได้ให้นิยามวันสิ้นโลก(กิยามะฮ์)ไว้ว่า "ทุกๆสิ่งต้องพบกับกาลปวสานเพื่อการคืนสู่ชีวิตใหม่อีกครั้งที่นิรันดร์" อิสลามเบื้องต้น ความเชื่อเรื่อง “มะอาด” (การคืนสู่ชีวิตใหม่ในโลกหน้า) หลักศรัทธาประการที่ 5...

อิสลามเบื้องต้น [บทที่ 15]คำสอนเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮ์ดี อ. บุรุษที่โลกรอคอย

เมื่อก่อนมีนักเขียนบางท่านของชาวซุนนะห์กล่าวว่า “สาเหตุที่ชีอะฮ์ต้องสร้างแนวคิดเกี่ยวกับอิมามที่หายตัวไปว่า จะมาปลดปล่อยพวกเขานั้น ก็เพราะเขาได้ประสบกับนักปกครองที่อธรรมเป็นจำนวนมาก ตลอดมาหลายยุคสมัย ดังนั้น พวกเขาจึงปลอบใจตัวเองด้วยการให้ความมั่นใจอย่างหนึ่ง กับ อัล-มะฮ์ดี ผู้ถูกรอคอย ซึ่งจะมาทำให้แผ่นดินมีความยุติธรรมและเที่ยงธรรม แล้วเขาจะมาแก้แค้นต่อศัตรูของพวกเขา” แต่นับจากมีการปฏิวัติอิสลามในอีหร่าน ได้มีการพูดถึงเรื่อง “อัล-มะฮฺดี” บุรุษที่โลกรอคอยกันมาก เพราะกลุ่มพิทักษ์การปฏิวัติได้ถือเป็นคำขวัญที่สำคัญในการประกาศของพวกเขาว่า : “ขอให้อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงพิทักษ์ปกป้องรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจนกว่าอิมามมะฮ์ดี อ. จะมาปรากฏ” จึงทำให้บรรดาชาวมุสลิม โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวปัญญาชนทุกหนแห่งพากันถามถึงความจริงของ “อัล-มะฮฺดี” ว่ามันเป็นความจริง และมีอยู่ในหลักความเชื่อของอิสลามจริงหรือไม่ หรือเป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาจากชาวชีอะฮ์   อิสลามเบื้องต้น...

อิสลามเบื้องต้น [บทที่ 14]บทบัญญัติว่าด้วยเรื่อง 12 อิมาม

หลังจากการเป็นผู้นำและการเป็นตัวแทนคนต่อไปภายหลังท่านศาสดา ศ. ของท่านอะมีรุลมุมินีน อาลี อิบนิ อบีฏอลิบ ได้ถูกยืนยันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บัดนี้จะขอกล่าวถึงความเป็นผู้นำของอิมามทั้งหลายภายหลังจากท่านอิมาม อะลี อ. สรุปได้ว่า มีริวายะฮ์ต่าง ๆมากมายที่ถูกจารึกไว้ทั้งในตำราของมุสลิมชาวชีอะห์และอะฮ์ลุสซุนนะฮ์ ซึ่งทั้งหมดต่างกล่าวถึงสภาวะการเป็นผู้นำภายหลังจากท่านศาสดา ศ.  ว่ามี 12 คน ไม่มากและน้อยกว่านั้นอีกแล้ว อิสลามเบื้องต้น บทบัญญัติว่าด้วยเรื่อง 12 อิมาม ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ศ. ได้กล่าวถึงเรื่องตำแหน่งอิมามไว้ในหลาย...

อิสลามเบื้องต้น [บทที่ 11]ตอน. อัล-อิศมะฮ์ (ความบริสุทธิ์ปราศจากบาป)ของบรรดาอิมาม อ.

มุสลิมชาวชีอะห์เชื่อถือว่า อิมามนั้นเหมือนกับท่านนบี ศ. ตรงที่จำเป็นต้องมีสภาพมะอฺศูม (ถูกปกป้องให้ปลอดพ้นจากความบาป ปลอดพ้นจากความชั่วช้าทุกประการ ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย) นับตั้งแต่ยังเป็นทารก จนกระทั่งตาย จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ขณะเดียวกันก็จำเป็นจะต้องมีสภาพมะอฺศูมพ้นจากความเผลอไผล ความผิดพลาด และการลืมเลือน เพราะบรรดาอิมามคือผู้พิทักษ์รักษาบทบัญญัติ และเป็นผู้ดำรงตนให้อยู่ในหลักการนั้น อิสลามเบื้องต้น ตอน. อัล-อิศมะฮ์ (ความบริสุทธิ์ปราศจากบาป)ของบรรดาอิมาม อ. และหลักฐานที่ทำให้เราเชื่อถือว่า บรรดานบี ศ. มีสภาพอิศมะฮ์(ถูกปกป้องให้ปลอดพ้นจากความบาป ปลอดพ้นจากความชั่วช้าทุกประการ ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย)...

อิสลามเบื้องต้น [บทที่ 13]อำนาจวิลายะฮ์ของท่านอิมามอะลี อ. ที่ระบุอยู่ในซุนนะห์

มีหลักฐานมากมายจากตำราอ้างอิงทั้งฝ่ายมุสลิมชาวซุนนี่ห์ และมุสลิมชาวชีอะฮ์ ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ. เคยกล่าวไว้ว่า  “อะลีคือตัวแทนภายหลังจากฉัน หลังจากเขาก็สืบต่อโดยหลานรักของฉัน ฮะซันและฮุเซน และอิมามอีก 9 ท่านล้วนสืบเชื้อสายจากฮุเซน” นอกจากนี้ยังมีฮะดีษอื่นๆที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น ฮะดีษเยามุดด้าร ฮะดีษมันซิละฮ์ ฮะดีษเฆาะดีรคุม และฮะดีษษะเกาะลัยน์ รวมทั้งฮะดีษที่นบี ศ. กล่าวว่า “จะมีเคาะลีฟะฮ์สิบสองคนภายหลังจากฉัน และอิสลามจะได้รับการเทิดเกียรติโดยพวกเขา” อิสลามเบื้องต้น อำนาจวิลายะฮ์ของท่านอิมามอะลี อ. ที่ระบุอยู่ในวจนะของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์   เหตุการณ์ใน “งานเลี้ยงแห่งซุลอะชีรอ”...

อิสลามเบื้องต้น [บทที่ 12]อำนาจวิลายะฮ์ของท่านอิมามอะลี อ.  ที่ระบุอยู่ในคัมภีร์อัลกุรอานอันทรงเกียรติ

เราไม่เคยพบเลยว่าตลอดระยะเวลาการทำงานของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ นั้น ท่านจะเคยปรึกษาศ่อฮาบะฮ์ ของท่านสักครั้งเดียวในการคัดเลือกตัวผู้นำของพวกเขา ไม่ว่าผู้นำในกองทัพหรือผู้นำในสงคราม ท่านไม่เคยขอคำปรึกษากับพวกเขา เมื่อตอนที่ท่านออกจากเมืองมะดีนะฮฺแล้วตั้งคนที่ท่านเห็นว่าเหมาะสมในการดูแลพวกเขาในเมืองและไม่เคยปรึกษาใครในยามมีแขกเข้ามาเพื่อยอมรับศาสนา กล่าวคือ ท่านจะแต่งตั้งคนใดคนหนึ่งให้ดูแลคนเหล่านั้นโดยมิได้ปรึกษาใคร แล้วท่านผู้อ่านที่ทรงเกีรยติเชื่อได้อย่างไรว่า ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ปล่อยให้ประชาชาติมุสลิมปรึกษาหารือ และเลือกผู้นำกันเอง ?!!!! ولاية و إمامة علي بن ابي طالب (عليه السلام) في القرآن الكريم อิสลามเบื้องต้น อำนาจวิลายะฮ์ของท่านอิมามอะลี อ. ...

ปัญหาคิลาฟ ซุนนี-ชีอะห์

หลักศรัทธา[รูก่นอีหม่าน]มีกี่ประการ…? ในตำราศ่อฮิห์

หลักศรัทธามีกี่ประการ..? มักมีการโจมตีมุสลิมชาวชีอะห์บ่อยครั้งว่า "หลักศรัทธา 5 ประการไม่ตรงกับวจนะของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์" ซึ่งพวกเขาได้นำเสนอว่า หลักศรัทธา หรือที่พวกเขาเรียกกันว่า "รูก่นอิหม่าน" นั้นจำเป็นต้องมี 6 ประการเท่านั้น โดยไม่มากและน้อยกว่านั้นอีกแล้ว แต่เมื่อเราได้ตรวจสอบฮะดิษของชาวซุนนะห์ ก็ต้องประหลาดใจเป็นล้นพ้นเพราะฮะดิษศ่อฮิห์ตัวบทอื่น ระบุว่า "รูก่นอิหม่าน มี 5 ข้อบ้างละ , มี 7 ข้อบ้างละ หนักไปกว่านั้น ในบางรายงานฮะดิษของพวกเขา...

พฤหัสบดี วันมหาวิปโยคในศ่อฮิห์บุคอรีย์ และมุสลิม[เจ็ดตัวบทจากบุคอรีย์ สามตัวบทจากมุสลิม]

ตัวบทฮะดิษพฤหัสวิปโยคในศ่อฮิห์บุคอรีย์ และมุสลิม(7ตัวจากบุคอรีย์ 3 ตัวบทจากมุสลิม) อิบนุ อับบาส ได้รายงานว่า เมื่ออาการป่วยของท่านศาสดา ศ. ทวีความรุนแรงขึ้น และในบ้านมีศ่อฮาบะฮ์อวุโสอยู่ด้วยกันหลายคน ในนั้น คือท่าน อุมัร บิน ค๊อตต๊อบ อยู่ด้วย ท่านนบี ศ. ได้ออกคำสั่งว่า จงเอาที่บันทึกมาให้ฉัน เพื่อฉันจะได้เขียนบันทึกหนึ่งไว้ให้พวกเจ้า เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ไม่หลงทาง หลังจากนั้น (แต่ทันใดนั้นเอง)ท่านอุมัร...

คำแก้ต่างของ อิบนิ ตัยมียะฮ์ ให้กับ อุมัร บิน ค็อตต็อบ ต่อเหตุการณ์พฤหัสวิปโยค

คำแก้ต่างของ อิบนิ ตัยมียะฮ์ ให้กับ อุมัร บิน ค็อตต็อบ ต่อเหตุการณ์พฤหัสวิปโยค บุคอรีย์ และมุสลิมบันทึกไว้ว่า เมื่ออาการป่วยของท่านศาสดา ศ. ทวีความรุนแรงขึ้นท่านกล่าวว่า “จงนำปากกามาเพื่อว่า ฉันจะได้เขียนคำสั่งเสียแก่พวกท่าน ซึ่งจะปกป้องพวกท่านจากการหลงทาง หลังจากฉันสิ้นชีวิต” ท่านอุมัร บิน อัลค็อตต็อบ กล่าวแซกขึ้นว่า ไม่ต้อง ท่านนบีเพ้อไปแล้ว !! คำภีร์ของพระเจ้าก้เพียงพอแล้วสำหรับเรา...

ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ต้องการจะจดบันทึกสิ่งใดในเหตุการณ์พฤหัสวิปโยค

พินัยกรรมของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์หลังเหตุการณ์พฤหัสวิปโยค มีการตั้งคำถามว่า "พินัยกรรมที่ท่านศาสนทูตของพระเจ้าปรารถนาที่จะบันทึกในวันพฤหัสวิปโยค แต่ถูกท่านอุมัร บิน ค็อตต็อบ คัดค้านเสียก่อน แล้วท่านศาสนทูตของพระเจ้าต้องการที่จะบันทึกสิ่งสำคัญยิ่ง อันใด หรือ ที่พวกเขาจึงต้องลุกขึ้นมาคัดค้าน ? อะไรจะสมเหตุสมผลมากไปกว่าการตั้งข้อสันนิฐานไว้ว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. มีความประสงค์ที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อที่จะรับประกันความมั่นคง และการอยู่รอดตลอดไปของอิสลาม จะมีอะไรเป็นเรื่องโดยธรรมชาติมากไปกว่าการที่ท่านต้องการให้อิสลามดำรงอยู่ตลอดไปเท่าที่ท่านจะสามารถทำได้ โดยการทำพินัยกรรมหรือคำสั่งเสียไว้ มุสลิมจะจินตนาการได้หรือไม่ว่าศาสดามุฮัมมัด ศ. จะสามารถละเลยหน้าที่สำคัญในการเขียนคำสั่งเสียสำหรับประชาติของท่าน คำสั่งเสีย พินัยกรรมของศาสดามูฮัมมัด ศ. ที่ระบุอย่างชัดเจน...

ประวัติศาสตร์

อิบนุ ตัยมียะฮ์ ยืนยันว่า ยะซีด บุตรมุอาวียะฮ์ ไม่ได้ออกคำสั่ง “ฆ่า” ท่านอิมามฮุเซน อ.

อิบนุ ตัยมียะฮ์ ยืนยันว่า ยะซีด บุตรมุอาวียะฮ์ ไม่ได้ออกคำสั่ง "ฆ่า" ท่านอิมามฮุเซน อ. อิบนิ ตัยมียะฮ์ พ่อทูลหัวของชาววะฮ์ฮาบี ได้บิดเบือนประวัติศาสตร์อิสลาม และออกมาปกป้องคนชั่วช้าอย่างยะซีด ผู้ออกคำสั่งให้สังหารท่านอิมามฮุเซน อ. ว่า "ยะซีด ไม่ได้ออกคำสั่งให้ฆ่าท่านอิมามฮุเซน อ. แต่ ยะซีด ได้ทำตามคำแนะนำของบิดา(มุอาวียะฮ์) คือการให้เกียรติต่ออิมามฮุเซน อ....

“อัล-มุบาฮะละฮ์” คือวันที่สัจธรรมอยู่เหนือความเท็จ

 “ อัล-มุบาฮะละฮ์ ” คือวันที่สัจธรรมอยู่เหนือความเท็จ โองการอัลกุรอ่านที่ถูกประทานลงมาในเหตุการณ์ "อัล-มุบาฮะละฮ์" فَمَنْ حَاجَّكَ فِيهِ مِنْ بَعْدِ مَا جَاءَكَ مِنَ الْعِلْمِ فَقُلْ تَعَالَوْا نَدْعُ أَبْنَاءَنَا وَ أَبْنَاءَكُمْ وَ نِسَاءَنَا وَ نِسَاءَكُمْ وَ...

ความหมาย “เมาลา” ในฮะดิษฆอดีรคุมม์

ความหมาย "เมาลา" ในเหตุการณ์ฆอดีรคุมม์ พวกที่ใช้เหตุผลอย่างมีเล่เหลี่ยมบางคนได้ใช้วิธีการพูดตลบตะแลงกับคำว่า "เมาลา" ดังที่ท่านศาสดา ศ. ได้ใช้ เมื่อท่านกล่าวว่า "อะลี เป็น เมาลา ของบรรดาชายและผู้หญิงเหล่านั้นทั้งหมด ที่พวกเขามีฉันเป็น เมาลา" ซึ่งพวกเขายอมรับการประกาศนี้ว่าเป็นของจริงแท้ แต่พวกเขากลับไม่ได้ตีความคำว่า "เมาลา" ให้แปลว่า "นาย" แต่ให้หมายถึง "เพื่อน" !!!! เหตุผลที่ "เมาลา" ในฮะดิษฆอดีรคุมม์...

วันพฤหัสวิปโยค เป็นความห่วงใยที่ท่านอุมัรมีต่อท่านศาสดา ศ. หรือเป็นการล่วงละเมิดฐานะภาพอันสูงส่งของท่าน..?!!

วันพฤหัสวิปโยค เป็นความสงสารที่ท่านอุมัรมีต่อท่านศาสดา ศ. หรือเป็นการล่วงละเมิดฐานะภาพอันสูงส่งของท่านนบี..?!! ตัวบทฮะดีษพฤหัสบดีวิปโยค عَن ابْنِ عَبَّاسٍ قَالَ لَمَّا حُضِرَ رَسُوْلُ اللهِ صَلى الله ُعَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَفِي الْبَيْتِ رجَالٌ فِيْهِمْ عُمَرُ بْنُ الخَطَّابِ فَقَالَ...

[เหตุผลที่ 2] “เมาลา” ในวันเฆาะดีรคุม ไม่อาจให้ความหมายเป็นอื่นได้นอกจาก “ผู้ปกครอง” เท่านั้น

ท่านอิมามอะลี อ. ได้เขียนส่งสาสน์เกี่ยวกับเฆาะดีรคุมส่งให้มุอาวิยะฮ์โดยมีใจความว่า ท่านศาสดา ศ. ได้มอบอำนาจการปกครองของท่านแก่ฉันให้เป็นวาญิบสำหรับเจ้าในวันเฆาะดีรคุม وَ أَوْجَبَ لِى وِلايَتَهُ عَلَيْكُمْ رَسُولُ اللّهِ يَوْمَ غَدِيرِ خُمٍّ   มีพยายานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์เฆาะดีรกุมมากมายที่ได้ให้ความหมาย "เมาลา" ในวันนั้น ว่า ผู้ปกครอง และได้ใช้คำว่า เมาลา ในความหมายของ อิมาม หรือผู้นำ ...

[เหตุผลที่ 1] “เมาลา” ในวันเฆาะดีรคุม มิอาจให้ความหมายเป็นอื่นได้นอกจาก “ผู้ปกครอง” เท่านั้น

ที่ "เมาลา" ในวันฆอดีรคุม มิอาจให้ความหมายเป็นอื่นได้นอกจาก "ผู้ปกครอง" นั้นเพราะว่า คนที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้น(18 ซูลฮิจญะฮ์) ไม่มีใครเข้าใจ "เมาลา" เป็นอื่นเลยยกเว้นในความหมายของ "ผู้ปกครอง"   "เมาลา" ในวันฆอดีรคุม มิอาจให้ความหมายเป็นอื่นได้นอกจาก "ผู้ปกครอง" นั้นเพราะว่า ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้น(18 ซูลฮิจญะฮ์) ไม่มีใครเข้าใจ "เมาลา" เป็นอื่นเลย ยกเว้นในความหมายของ "ผู้ปกครอง" เช่น ...

อิมามมะฮ์ดี (อ) บุรุษที่โลกรอคอย

10 สัญญาณก่อนวันสิ้นโลกที่ปรากฎอยู่ในคัมภีร์ และพระวจนะของศาสดาอิสลาม[ตอนที่ 2]

10 สัญญาณก่อนวันสิ้นโลกในพระวจนะของศาสดาแห่งอิสลาม สัญญาณแห่งวันสิ้นโลก สัญญาณ หรือเครื่องหมายต่างๆที่เเสดงให้เห็นว่า วันสิ้นโลกใกล้เข้ามาแล้ว และกำลังจะอุบัติขึ้น ซึ่งได้กล่าวไปแล้วในตอนเเรกถึง สัญญาณทั้งสาม (สามารถย้อนดูตอนที่ 1 ได้ตามลิ้งข้างล่าง)  https://mubahala.net/1929 ลำดับต่อไปมาดูสัญญาณที่สี่ก่อนวันสิ้นโลก 4. การปรากฏตัวของอัล-ดัจญาล ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ศ. กล่าวว่า لاَ تَقُومُ السَّاعَةُ حَتَّی تَکُونَ عَشْرُ ءَایَاتٍ : الدَّجَّالُ วันกิยามะฮ์จะยังไม่อุบัติขึ้นจนกว่าพวกท่านจะได้เห็นสัญญาณก่อนหน้านั้นสิบประการ (หนึ่งในนั้น)การปรากฏตัวของดัจญาล  ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์...

10 สัญญาณก่อนวันสิ้นโลกที่ปรากฎอยู่ในคัมภีร์ และพระวจนะของศาสดาอิสลาม[ตอนที่ 1]

10 สัญญาณก่อนวันสิ้นโลกในพระวจนะของศาสดาแห่งอิสลาม สิบสัญญาณก่อนวันสิ้นโลก ตอน 2 : https://mubahala.net/1936 https://mubahala.net/1936 สัญญาณวันกิยามะห์ หรือ เครื่องหมายของวันสิ้นโลก ที่ปรากฎอยู่ในคัมภีร์ และพระวจนะของศาสดาอิสลาม วันสิ้นโลก เป็นความเชื่อที่อยู่คู่กับมนุษย์มาอย่าช้านาน และสามารถบอกได้ว่า มีมาตั้งแต่วันที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์คู่แรกขึ้นมา นั่นคือ อาดัม และฮาวา และใช่ว่าความเชื่อเรื่อง "วันสิ้นโลก" ได้มีที่มาแค่เพียงแหล่งเดียวคืออิสลาม เปล่าเลย แต่เป็นความเชื่อที่มีอยู่ในทุกลุ่มศาสนาที่เชื่อในเรื่องของพระเจ้า เช่นคริสต์ ยูดาย...

การมีชีวิตอยู่ในสภาพฆัยบะฮ์กว่า 12 ศตวรรษของอิมามอัล-มะฮ์ดี อ. เป็นความจริงหรือเป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาจากพวกชีอะฮ์

การมีชีวิตอยู่ในสภาพฆัยบะฮ์กว่า 12 ศตวรรษของอิมามอัล-มะฮ์ดี อ. เป็นความจริงหรือเป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาจากพวกชีอะฮ์...?!! การมีชีวิตอยู่ในสภาพฆัยบะฮ์กว่า 12 ศตวรรษของอิมามอัล-มะฮ์ดี อ. นี่คืออีกเรื่องหนึ่ง ที่ศรัตรูอะห์ลุลบัยต์ใช้เป็นข้ออ้างทำการประณามเหยียดหยามชีอะฮ์ บางคนในหมู่พวกเขากล่าวด้วยการเยาะเย้ย และลบหลู่ อย่างรุนแรง เพราะพวกเขาถือว่าห่างไกลจากความเป็นจริงหรือเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์คนหนึ่งจะยังคงอยู่นานถึง 12 ศตวรรษ ในสภาพที่ยังมีชีวิต และซ่อนเร้นจากการมองเห็นของมนุษย์ทั้งหลาย ส่วนมุสลิมที่เต็มไปด้วยความศรัทธาในหัวใจ จะไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่อัลลอฮ์ ซ.บ. จะให้คนๆหนึ่งมีชีวิตยืนยาวเพื่อฮิกมะฮ์บางอย่าง อัล-กุรอ่าน อันทรงเกียรติ ก็มิได้ปฎิเสธความเชื่อถือนี้ ตั้งมากมายเท่าไหรที่อัลลอฮ์ ซ.บ....

ดุอา-กิจปฏิบัติ

นมาซอีดฆอดีรคุมม์ คืออิบาดะฮ์มุสตะฮับที่บรรดาฟะกิฮ์ได้ระบุไว้ในหนังสือนิติศาสตร์ของพวกท่าน

นมาซอีดฆอดีรคุมม์ คือ อิบาดะฮ์มุสตะฮับที่บรรดาฟะกิฮ์ได้ระบุและเน้นย้ำไว้ในหนังสือนิติศาสตร์ของพวกท่าน คำพูดต่างๆของเหล่าบรรดาฟะกิฮ์ชีอะห์เกี่ยวกับนมาซอีดฆอดีรคุมม์ บรรดาฟะกิฮ์ชีอะห์ต่างๆได้เขียนคำฟัตวาเกี่ยวกับ "มุสตะฮับของนมาซอีดฆอดีรคุมม์" ไว้ในหนังสือนิติศาสตร์ของพวกท่าน จนฟะกิฮ์ตลอดกาลของโลกชีอะห์ เจ้าของตำรา "ญะวาเฮร" (เสียชีวิต ฮ.ศ. 1266) กล่าวไว้ว่า : فلا خلاف احده فی هذه الصلاة بین قدماء الاصحاب و متاخریهم ในเรื่องนมาซอีดฆอดีรคุมม์ไม่มีความขัดเเย้งกันในหมู่ฟะกิฮ์ของโลกชีอะห์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ...

ความสำคัญของวันมุบาฮะละฮ์ [24 ซุลฮิจญะฮ์] และกิจปฎิบัติที่ควรกระทำในวันนี้

วันมุบาฮาละฮ์ ตรงกับวันที่ 24 เดือนซุลฮิจญะฮ์(ตามปฎิทินอิสลาม) บางส่วนจากกิจปฏิบัติที่ส่งเสริมให้กระทำ ในวันมุบาฮะละฮ์ นั้นคือ การอาบนำฆุซุลชำระ ,นมาซ และ ดุอาฮ์เฉพาะที่ให้อ่านในวันมุบาฮะละฮ์ วันที่ 24 ซุลฮิจญะฮ์ วันนี้เป็นวันที่ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ทำพิธีมุบาฮะละฮ์ (สบถสาบานให้ประสบกับความวิบัติต่อผู้มุสา) กับชาวคริสเตียนนัจรอน โดยก่อนที่จะเริ่มพิธีท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ ศ. ได้หยิบเสื้อคลุมกายของท่านมาคลุมไหล่ และให้ท่านอิมามอะลี อ. ท่านหญิงฟาติมะฮ์ ท่านอิมามฮะซัน และ...

 ความประเสริฐ และอะมั้ลของเดือนซุลฮิจญะฮ์

ความประเสริฐ และอะมั้ลของเดือนซุลฮิจญะฮ์ เดือนนี้เป็นหนึ่งในบรรดาเดือนอันทรงเกียรติยิ่ง เมื่อวาระแห่งเดือนนี้มาถึง เหล่าสาวกและบรรดาผู้ติดตามที่มีคุณธรรม จะให้ความสำคัญกับเดือนนี้ ด้วยการประกอบอิบาดะฮ์ในช่วง 10 วันแรกของเดือนนี้ ซึ่งเป็นวาระที่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนในเรื่องของการบำเพ็ญฮัจญ์ โดยอัลกุรอ่านได้กล่าวถึงวาระนี้ว่า เป็นช่วงที่เต็มไปด้วยความจำเริญและความดีงาม มีรายงานจากท่านร่อซูลฯ ว่า ไม่มีการกระทำความดี และการประกอบอิบาดะฮ์ในวันเวลาใด ที่จะเป็นที่รักยิ่งในทัศนะของอัลลออ์ ผู้ทรงสูงส่งยิ่งไปกว่าความดีและอิบาดะฮ์ในช่วงวันนี้อีกแล้ว ﴾ กิจปฏิบัติในช่วง 9 วันแรกของเดือนซุลฮิจญะฮ์  ﴿ การถือศีลอด 9 วันแรก...

ไสยศาสตร์ มนต์ดำ และวิธีป้องกัน รักษาด้วยกับอัลกุร-อ่าน

 ไสยศาสตร์ มนต์ดำ คือ การผูกปม เป็นคาถาหรือคำอ่านบางอย่างที่มีความเฉพาะเจาะจง ซึ่งถูกอ่านหรือเขียน หรือเป็นการกระทำบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจ และสติปัญญาของคนที่ถูกกระทำ ในสมัยที่สังคมมุสลิมเต็มไปด้วยคุรอฟะฮฺ (เรื่องเหลวไหลที่ถูกกุขึ้นและความเชื่อที่ งมงาย) มนุษย์ตอบรับสิ่งเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่คำนึงถึงข้อบัญญัติศาสนาและ วิจารณญาณในการแยกแยะข้อเท็จจริง จึงถูกปกคลุมด้วยฝุ่นแห่งความมืด และปัญหาไสยศาสตร์ หรือ มนต์ดำ เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของของสังคมมุสลิม นักวิชาการอิสลาม ได้อธิบายความหมายของคำว่า “ไสยศาสตร์” (ภาษาอาหรับใช้คำว่า السحر -อัซ สิฮัร) ไว้อย่างมากมายหลากหลาย แต่โดยสรุปแล้ว...

อะห์กาม

ความสำคัญของการนมาซวันศุกร์ในอิสลาม

ความสำคัญของการนมาซวันศุกร์ในอิสลาม หากจะกล่าวถึงหลักฐานความสำคัญของการนมาซวันศุกร์ ก็คงหลีกไม่พ้นพระดำรัสขององค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ที่ทรงตรัสไว้ในอายะฮ์ต่างๆของซูเราะห์ญุมอะฮ์ เช่นพระองค์ทรงบัญชาแก่ผู้ศรัทธาว่า "เมื่อพวกเจ้าได้ยินเสียงเรียกร้องสู่การนมาซวันศุกร์ให้ละทิ้งทุกอย่างที่เกียวกับทางโลกเพื่อรีบเร่งไปสู่การเรียกร้องนั้น یا أَیُّهَا الَّذِینَ آمَنُوا إِذا نُودِیَ لِلصَّلاةِ مِنْ یَوْمِ الْجُمُعَةِ فَاسْعَوْا إِلی ذِکْرِ اللّهِ وَ ذَرُوا الْبَیْعَ ذلِکُمْ خَیْرٌ...

การอ่าน “กุนูต” ในนมาซ

การอ่าน "กุนูต" ในนมาซ ท่านอบูซัร ได้ถามท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. ว่า "นมาซที่ประเสริฐสุดคือการนมาซแบบไหนครับ ? ท่านศาสดา ศ. ตอบว่า นมาซที่ได้อ่าน กุนูต ยาว ๆ การอ่าน "กุนูต" ในนมาซ กุนูต ในเชิงภาษา ให้ความหมายว่า "ดุอาฮ์ ,การเชื่อฟัง , และความนอบน้อม"...

การทำ “อะกิเกาะฮ์” ให้บุตร

การทำอะกีเกาะฮ์ให้บุตร  เมื่อใดก็ตามที่มีลูกชายหรือลูกสาวถือกำเนิดให้เพวกเจ้าจงทำอะกีเกาะฮ์ให้เขาและเธอในวันที่ 7 ด้วยแกะหรืออูฐ และให้ตั้งชื่อ โกนศีรษะในวันที่ 7 นำผมไปชั่งและบริจาคด้วยทองคำหรือเงิน เท่ากับน้ำหนักของผมที่โกน เป็นซุนนะฮ์ที่ได้รับการย้ำเตือนไว้ สำหรับผู้ที่มีความสามารถทำได้ ซึ่งปราชญ์บางท่านถือว่า เป็นวาญิบที่ประเสริฐที่สุด ในฮะดิษที่มีผู้รายงานเป็นจำนวนมากกล่าวว่า “บุตรทุกคนมีอะกีเกาะฮ์แขวนอยู่ที่ต้นคอ หมายถึง หากไม่ทำอะกีเกาะฮ์ เขาจะตกอยู่ในห้วงมรณะของภัยพิบัติต่างๆ ในฮะดิษที่เชื่อถือได้บทหนึ่งกล่าวว่า เมื่อใดก็ตามที่มีลูกชายหรือลูกสาวถือกำเนิดให้เพวกเจ้าจงทำอะกีเกาะฮ์ให้เขาและเธอในวันที่ 7 ด้วยแกะหรืออูฐ และให้ตั้งชื่อ โกนศีรษะในวันที่ 7...

ข่าว-กิจกรรม