การอ่าน “กุนูต” ในนมาซ ท่านอบูซัร ได้ถามท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. ว่า “นมาซที่ประเสริฐสุดคือการนมาซแบบไหนครับ ? ท่านศาสดา ศ. ตอบว่า นมาซที่ได้อ่าน กุนูต ยาว ๆ
การอ่าน “กุนูต” ในนมาซ
กุนูต ในเชิงภาษา ให้ความหมายว่า “ดุอาฮ์ ,การเชื่อฟัง , และความนอบน้อม” ในด้านเทคนิคให้ความหมายว่า “การยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นมาให้แนบแน่นชิดกันในรอกะอะฮ์ที่สองของนมาซเพื่อขอดุอาฮ์ต่ออัลลอฮ์”
พระองค์อัลลอฮ์ทรงตรัสไว้ในซูเราะห์ อัลบะก่อเราะ อายะที่ 238 ว่า
«وَ قُومُوا لِلَّهِ قانِتینَ»
และในสภาพของผู้กุนูต(นอบน้อม)จงยืนนมาซเพื่ออัลลอฮ์เถิด
การอ่าน “กุนูต” ในทัศนะของมัซฮับต่างๆ
- มัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์ แนวทางแห่งลูกหลานนบี(ชีอะห์)
มัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์ การอ่านกุนูตในนมาซวายิบประจำวันในรอกะอะฮ์ที่ 2 ถือเป็นมุสตะฮับ คือ ควรกระทำ หากได้กระทำถือว่ามีมรรคผลตอบแทน หากละทิ้งก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดใดๆ
ท่านอบูซัร ได้ถามท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. ว่า
«فَأَیُّ الصَّلَاه یِ أَفْضَلُ»
“นมาซที่ประเสริฐสุดคือการนมาซแบบไหนครับ ?
ท่านศาสดา ศ. ตอบว่า
«طُولُ الْقُنُوتِ»
นมาซที่ได้อ่านกุนูตยาวๆ
(รายงานจากหนังสือ มะอานิยุล อักบัร หน้า 332)
- มัซฮับชาฟี และมาลิกี
มัซฮับชาฟี และมาลิกี เฉพาะในนมาซศุบฮ์เท่านั้นที่เป็นซุนนะห์ให้อ่าน “กุนูต” โดยถือว่าเป็นมุสตะฮับมุอักกัด มุซตะฮับที่ถูกเน้นย้ำให้กระทำ โดยให้อ่านกุนูตหลังจากเงยหน้าขึ้นจากรุกูอ์
- ฮะนะฟี ให้ถือเป็นการ “บิดอะฮ์”
ในส่วนฮัมบะลี ให้ถือว่า “ฮะรอม” ยกเว้นในกรณีที่เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นจะอนุญาติให้อ่านกุนูตในนมาซได้ เช่นกุนูตหนึ่งเดือนเต็มของท่านนบี ศ. เพื่อละนัตแก่ชนเผ่าที่ได้สังหารนักเผยแพร่มุสลิม
เหตุผลที่ชาวชีอะห์เชื่อว่า การยกมือสู่ฟากฟ้าเพื่อดุอาฮ์ คือ ซุนนะห์
แนวทางแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ หรือแนวทางที่ได้ปฏิบัติตามคำสอนแห่งลูกหลานนบี ศ. สอนว่า เป็นซุนนะห์(มุสตะฮับ)ให้ขอดุอาฮ์หลังนมาซวายิบประจำวัน(ฟัรดู)โดย “การหันหน้าไปทางทิศกิบละฮ์แล้วยกมือสู่ฟากฟ้าเพื่อดุอาฮ์”
หนึ่งในเหตุผลที่ว่า ยามเมื่อขอดุอาฮ์ให้ยกฝ่ามือทั้งสองสู่ฟากฟ้า เพราะฟากฟ้า คือ “แหล่งกำเนิดกองคลังแห่งริสกี”
มีริวายะฮ์บทหนึ่งรายงานจากท่านอิมามอะลี อ. ว่า
“เมื่อพวกเจ้าเสร็จสิ้นจากการนมาซ(หลังการให้สลาม)ก็จงยกมือทั้งสองสู่ฟากฟ้าเพื่อขอดุอาฮ์เถิด”
รอวีได้ถามขึ้นว่า โอ้อะมีรุ้ลมุฮ์มีนีน อัลลอฮ์ไม่ได้อยู่ทุกที่ดอกหรือ ? ท่านอิมามอะลี อ. ตอบว่า “ใช่แล้ว อัลลอฮ์ทรงอยู่ทุกหนแห่ง ทุกทิศทาง”
เขาจึงถามต่อว่า “แล้วทำไมต้องยกมือสู่ฟากฟ้าด้วยละครับ ?”
อิมามอะลี อ. กล่าวตอบว่า “เสมือนว่าเจ้าไม่เคยอ่านโองการนี้ในอัลกุรอ่านบ้างดอกหรือที่พระองค์ทรงตรัสว่า
“وَ فِی السَّماءِ رِزْقُکُمْ وَ ما تُوعَدُونَ”؛
และในฟากฟ้ามีปัจจัยยังชีพของพวกเจ้าอยู่ และสิ่งถูกสัญญาไว้แก่พวกเจ้า (ซูเราะห์อัลซาริยาต อายะที่ 22)
ฉะนั้นจงวอนขอในสิ่งที่เจ้าปราถนาจากสถานที่และทิศของมัน สถานที่แห่งปัจจัยคือฟากฟ้าอันเป็นที่มาของน้ำฝน และเป็นสาเหตุให้พื้นดินชุ่มช่ำจนก่อเกิดสิ่งมีชีวิต(พืชพรรณธัญญาหาร)งอกเงยขึ้นมา
(รายงานจากหนังสือมันลา ยะดุรุล ฟะฮ์กิ ของเชคศอดูก เล่ม 1 หน้า 325 ฮะดิษหมายเลข 955)
ข้อควรรู้…
ดุอาต้องยกมือสู่ฟากฟ้า เพราะอัลกุรอ่านระบุว่า
وَفِي السَّمَاءِ رِزْقُكُمْ
“ในฟากฟ้านั้นมี ริสกี ของพวกเจ้า”
ความว่า “ที่ให้ยกมือสู่ฟากฟ้า ก็เพราะแหล่งกำเนิดของริสกี(ปัจจัย)อยู่บนฟากฟ้า อันเป็นที่มาของการก่อเกิดริสกีบนพื้นดินที่มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์จากมัน
นี้คือหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำใมต้องยกมือสู่ฟากฟ้ายามเมื่อขอดุอาฮ์
แต่สิ่งที่ต้องรู้อีกประการหนึ่งก็คือ คำพูดนี้ไม่ได้ให้ให้ความหมายว่า “อัลลอฮ์อยู่ในชั้นฟ้า” หรอกนะ……
สุดท้าย
ส่วนใครจะตามแนวทางไหน ก็ขึ้นอยูกับหลักฐานและเหตุผลที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ เพราะให้รู้ว่าทุกการกระทำจะต้องตอบให้กับพรองค์อัลลอฮ์ในวันกิยามะฮ์
วัลลอฮุ อะลัม
