หน้าแรก ปัญหาคิลาฟ ซุนนี-ชีอะห์ ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ต้องการจะจดบันทึกสิ่งใดในเหตุการณ์พฤหัสวิปโยค

ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ต้องการจะจดบันทึกสิ่งใดในเหตุการณ์พฤหัสวิปโยค

106

พินัยกรรมของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์หลังเหตุการณ์พฤหัสวิปโยค

มีการตั้งคำถามว่า “พินัยกรรมที่ท่านศาสนทูตของพระเจ้าปรารถนาที่จะบันทึกในวันพฤหัสวิปโยค แต่ถูกท่านอุมัร บิน ค็อตต็อบ คัดค้านเสียก่อน

  • แล้วท่านศาสนทูตของพระเจ้าต้องการที่จะบันทึกสิ่งสำคัญยิ่ง อันใด หรือ ที่พวกเขาจึงต้องลุกขึ้นมาคัดค้าน ?

อะไรจะสมเหตุสมผลมากไปกว่าการตั้งข้อสันนิฐานไว้ว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. มีความประสงค์ที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อที่จะรับประกันความมั่นคง และการอยู่รอดตลอดไปของอิสลาม จะมีอะไรเป็นเรื่องโดยธรรมชาติมากไปกว่าการที่ท่านต้องการให้อิสลามดำรงอยู่ตลอดไปเท่าที่ท่านจะสามารถทำได้ โดยการทำพินัยกรรมหรือคำสั่งเสียไว้

มุสลิมจะจินตนาการได้หรือไม่ว่าศาสดามุฮัมมัด ศ. จะสามารถละเลยหน้าที่สำคัญในการเขียนคำสั่งเสียสำหรับประชาติของท่าน คำสั่งเสีย พินัยกรรมของศาสดามูฮัมมัด ศ. ที่ระบุอย่างชัดเจน กระชับแฃะเด็ดขาด อันเป็นคำสั่งของท่านเกียวกับการถ่ายโอนอำนาจให้กับผุ้ที่สืบทอด ซึ่งเป็นสิ่งที่จะลเเว้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพื่อจะให้อิสลามมีความเข็มแขฺ็ง ฉะนั้นสิ่งที่ท่านต้องการจะบันทึก ก็คือ รายชื่ออิม่ามผู้สืบทอดต่อจากท่าน ซึ่งบทสรุปนี้ได้มาจาก สิ่งต่อไปนี้

  • เพราะแน่นอนว่า สิ่งที่ท่านศาสดา ศ. ต้องการจะบันทึกต้องสอดคล้องกับเรื่องราวที่ท่านกำลังจะจากอุมมะฮ์นี้ไปอย่างแน่นอน ที่ท่านยังไม่ได้บันทึกมันให้เป็นลายลักษณ์อักษร
  • สิ่งที่ท่านศาสดา ศ. ต้องการจะบันทึกเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะเป็นสิ่งรับประกันความมั่นคง และเป็นการปกป้องจากการหลงผิด และป้องกันการแตกแยก โดยท่านใช้สำนวนว่า

«لاَ تَضِلُّوا بَعْدَهُ»- «لَنْ تَضِلُّوا بَعْدَهُ»-«لَنْ تَضِلُّوا بَعْدَهُ أَبَدًا»

  • อิหม่ามอะห์มัด ฮัมบัล หนึ่งในอิหม่ามของชาวซุนนี่ห์ ได้บันทึกเรื่องราวนี้ไว้ในตำราของเขาต่อคำพูดของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ ว่า

«… قَالَ: ” ائْتُونِي بِكَتِفٍ أَكْتُبْ لَكُمْ فِيهِ كِتَابًا، لَا يَخْتَلِفُ مِنْكُمْ رَجُلانِ»

จงไปนำสิ่งจดบันทึกมา เพื่อที่จะได้บันทึกสิ่งหนึ่งแก่พวกเจ้า และหลังจากนั้นแม้แต่คนสองคนก็จะไม่ขัดแย้งกันอีกเลย(บันทึกไว้ในหนังสือ มุสนัต อะห์มัด บิน ฮัมบัล เล่ม 4 หน้า 415)

  • จากการคัดค้านของคนบางกลุ่มต่อการบันทึกพินัยกรรมนี้ แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่ท่านนบี ศ. ต้องการจะบันทึกเป็นสิ่งที่คนบางกลุ่มไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้อ่านทุกท่านคงน่าจะคาดเดาได้ว่า นอกจากเรื่อง “การแต่งตั้งท่านอิมามอะลี อ. ให้เป็นผู้นำภายหลังจากท่าน ก็คงไม่มีเรื่องอื่นอีกแล้ว”

อิหม่ามบัดรุดดีน อัยนีย์ หนึ่งในนักอรรถาธิบายศ่อฮิห์บุคอรีย์ และเป็นหนึ่งในปวงปราชญ์อวุโสของชาวซุนนะห์ ได้เขียนถึงเรื่องนี้ไว้ว่า

อุลามาของชาวซุนนะห์ได้ขัดแย้งกันในเรื่องที่ว่า ท่านศาสดา ศ. ต้องการจะบันทึกสิ่งใดในวันที่ท่านรับสั่งให้นำสิ่งจดบันทึกมา ท่านคิฎอบีย์ กล่าวว่า เรื่องนี้สามารถคาดการณ์ได้ 2 อย่าง คือ

  • ท่านนบี ศ. ต้องการที่จะบันทึกในเรื่องของอิมามภายหลังจากท่าน เพื่อยับยั้งการเกิดฟิตนะห์ที่ใหญ่หลวง อย่างเช่นสงครามยะมัล และซิฟฟีน
  • บางคนเห็นว่า ท่านนบีต้องการที่จะบันทึกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติหนึ่ง

และซุฟยาน บิน อุยัยนะห์ กล่าวว่า ท่านนบี ศ. ต้องการที่จะบันทึกรายชื่อต่างๆของคอลิฟะฮ์ และผู้นำภายหลังจากท่าน เพื่อปกกันความขัดแย้ง(ในเรื่องนี้)ภายหลังที่ท่านเสียชีวิตไปแล้ว

وَاخْتلف الْعلمَاء فِي الْكتاب الَّذِي همَّ صلى الله عَلَيْهِ وَسلم بكتابته، قَالَ الْخطابِيّ: يحْتَمل وَجْهَيْن. أَحدهمَا: أَنه أَرَادَ أَن ينص على الْإِمَامَة بعده فترتفع تِلْكَ الْفِتَن الْعَظِيمَة كحرب الْجمل وصفين. وَقيل: أَرَادَ أَن يبين كتابا فِيهِ مهمات الْأَحْكَام… وَقَالَ سُفْيَان بن عُيَيْنَة: أَرَادَ أَن ينص على أسامي الْخُلَفَاء بعده حَتَّى لَا يَقع مِنْهُم الِاخْتِلَاف
الكتاب: عمدة القاري شرح صحيح البخاري،ج۲- ص۱۷۱/ المؤلف: أبو محمد محمود بن أحمد بن موسى بن أحمد بن حسين الغيتابى الحنفى بدر الدين العينى (المتوفى: ۸۵۵هـ)،الناشر: دار إحياء التراث العربي – بيروت

แน่นอนรายชื่อของคอลีฟะฮ์ที่ท่านศาสดาต้องการที่จะบันทึกไว้ ก็คือรายชื่อ 12 ผู้นำที่ถูกบันทึกไว้ในศ่อฮิห์มุสลิม ที่ว่า

 خلفائي بعدي اثنا عشر
คอลิฟะฮ์ของฉันภายหลังจากฉันมี 12 ท่าน

อิบนิ ฮะญัร อัซก่อลานีย์ ได้เขียนถึงสิ่งที่ท่านนบี ศ. ต้องการจะบันทึก ว่า “ท่านต้องการที่จะบันทึกรายชื่อคอลิฟะฮ์หลังจากท่าน เพื่อว่าจะได้ไม่เกิดความแตกแยกกันในเรื่องดังกล่าวหลังการจากไปของท่าน

وَقِيلَ بَلْ أَرَادَ أَنْ يَنُصَّ عَلَى أَسَامِي الْخُلَفَاءِ بَعْدَهُ حَتَّى لَا يَقَعَ بَيْنَهُمُ الِاخْتِلَافُ

الكتاب: فتح الباري شرح صحيح البخاري،ج۱، ص۱۸۶، المؤلف: أحمد بن علي بن حجر أبو الفضل العسقلاني الشافعي،الناشر: دار المعرفة – بيروت، ۱۳۷۹،رقم كتبه وأبوابه وأحاديثه: محمد فؤاد عبد الباقي، قام بإخراجه وصححه وأشرف على طبعه: محب الدين الخطيب،عدد الأجزاء: ۱۳

ก็อซฎอลานีย์ หนึ่งในผู้ที่ทำการชะเราะห์ศ่อบุคอรีย์ ได้บันทึกคำพูดของท่านศาสดา ศ. ที่ท่านกล่าวว่า “คำสั่งที่ให้ฉันได้จดบันทึกให้กับพวกท่าน สิ่งที่อยู่ในนั้นก็คือ คำสั่งแต่งตั้งรายชื่อผู้นำภายหลังจากฉัน”

آمر من يكتب لكم (كتابًا) فيه النص على الأئمة بعدي

الكتاب: إرشاد الساري لشرح صحيح البخاري، ج۱- ص ۲۰۷- المؤلف: أحمد بن محمد بن أبى بكر بن عبد الملك القسطلاني القتيبي المصري، أبو العباس، شهاب الدين (المتوفى: ۹۲۳هـ)، الناشر: المطبعة الكبرى الأميرية، مصر، الطبعة: السابعة، ۱۳۲۳ هـ، عدد الأجزاء: ۱۰

 

  • ส่วนในตำราชีอะห์แน่นอนว่า สิ่งที่ท่านนบีมุอัมมัด ศ. ปรารถนาที่จะบันทึกในวันนั้น ก็คือ รายชื่อของบรรดาอิมามมะฮ์ซูม ทั้ง 12 ท่านที่ถูกแต่งตั้งมาจากอัลลอฮ์ ซ.บ. เช่น

قال أمير المؤمنين عليه السلام یَا طَلْحَهُ أَ لَسْتَ قَدْ شَهِدْتَ رَسُولَ اللَّهِ ص حِینَ دَعَا بِالْکَتِفِ لِیَکْتُبَ فِیهَا مَا لَا تَضِلُّ الْأُمَّهُ وَ لَا تَخْتَلِفُ فَقَالَ صَاحِبُکَ مَا قَالَ إِنَّ نَبِیَّ اللَّهِ یَهْجُرُ فَغَضِبَ رَسُولُ اللَّهِ ص ثُمَّ تَرَکَهَا قَالَ بَلَى قَدْ شَهِدْتُ ذَاکَ قَالَ فَإِنَّکُمْ لَمَّا خَرَجْتُمْ أَخْبَرَنِی [بِذَلِکَ رَسُولُ اللَّهِ ص وَ] بِالَّذِی أَرَادَ أَنْ یَکْتُبَ فِیهَا وَ أَنْ یَشْهَدَ عَلَیْهَا الْعَامَّهُ فَأَخْبَرَهُ جَبْرَائِیلُ أَنَّ اللَّهَ عَزَّ وَ جَلَّ قَدْ عَلِمَ مِنَ الْأُمَّهِ الِاخْتِلَافَ وَ الْفُرْقَهَ ثُمَّ دَعَا بِصَحِیفَهٍ فَأَمْلَى عَلَیَّ مَا أَرَادَ أَنْ یَکْتُبَ فِی الْکَتِفِ وَ أَشْهَدَ عَلَى ذَلِکَ ثَلَاثَهَ رَهْطٍ سَلْمَانَ وَ أَبَا ذَرٍّ وَ الْمِقْدَادَ وَ سَمَّى مَنْ یَکُونُ مِنْ أَئِمَّهِ الْهُدَى الَّذِینَ أَمَرَ اللَّهُ بِطَاعَتِهِمْ إِلَى یَوْمِ الْقِیَامَهِ فَسَمَّانِی أَوَّلَهُمْ ثُمَّ ابْنِی [هَذَا وَ أَدْنَى بِیَدِهِ إِلَى] الْحَسَنِ ثُمَّ الْحُسَیْنِ ثُمَّ تِسْعَهً مِنْ وُلْدِ ابْنِی هَذَا یَعْنِی الْحُسَیْنَ کَذَلِکَ کَانَ یَا أَبَا ذَرٍّ وَ أَنْتَ یَا مِقْدَادُ فَقَامُوا وَ قَالُوا نَشْهَدُ بِذَلِکَ عَلَى رَسُولِ اللَّهِ ص

ท่านอะมี้รุลมุฮ์มีนีน(อิมามอะลี อ.) กล่าวกับ ฏอลฮะ ว่า โอ้ฏอลฮะ !!!! เจ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์กระนั้นริ (ความว่า เจ้าก็รู้ดี)ในวันที่ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ เรียกหา “กระดาษและ ปากกา” เพื่อท่าน ศ. จะได้จดบันทึกสิ่งหนึ่งที่จะยับยั้งอุมมะฮ์ของท่านจากการหลงผิด และป้องกันความแตกแยกในหมู่ประชาชาตินี้ แต่แล้วช่วงขณะนั้นเองที่เพื่อนของเจ้า(อุมัร)ได้เอ่ยทักท้วงท่านนบีขึ้นว่า “นบีได้เพ้อไปแล้ว” จนเป็นเหตุทำให้ท่านนบีโกรธเคืองเป็นอย่างมาก และท่านก็ได้ละทิ้งการบันทึกพินัยกรรมในตอนนั้นเสีย !!!
ฏอลฮะกล่าวตอบว่า “ใช่แล้วฉันอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย”
อิมามอะลี อ. จึงกล่าวต่อว่า เมื่อพวกท่านได้ออกไปกันหมดแล้ว ท่านนบี ศ. จึงได้แจ้งข่าวแก่ฉันถึงพินัยกรรมที่ท่านปรารถนาจะบันทึกนั้น เพื่อให้มันได้เป็นสักขีพยานในหมู่ประชาชาติของอุมมะฮ์นี้ และขณะนั้นเองที่ญิบรอฮีลได้ลงมาหาท่านนบี ศ. และแจ้งข่าวแก่ท่านว่า
“พระองค์ทรงรับรู้ดีถึงความแตกแยกที่จะเกิดขึ้นในหมู่ประชาชาติของมุฮัมมัด”
เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านนบี ศ. ก็ได้เอ่ยถามหา น้ำหมึกกับกระดาษ อีกครั้ง แล้วท่านก็ได้บอกสิ่งนั้น(วะฮ์ซียะฮ์)โดยให้ฉันเป็นผู้จดบันทึก และมีสักขีพยานถึง สามคน คือ ซัลมาน , อบูซัร และมิกดาร ท่านนบีได้เอ่ยชื่ออิมามที่ประชาชาตินี้จำเป็นต้องมอบการความภักดี(บัยอะฮ์)ให้แก่พวกเขา ซึ่งคนแรก คือ ฉัน(อะลี) ต่อมาลูกทั้งสองของฉัน ฮะซัน และฮุเซน ต่อมาอีก 9 คนจากเชื้อสายและบุตรหลานของฮุเซน
ต่อมาท่านอิมามอะลี อ. ได้หันไปทางอบูซัร และมักดาร แล้วเอ่ยถามว่า “ท่านทั้งสองจะเป็นพยายานในเรื่องนี้ได้หรือไม่ ?” พวกเขา(อบูซัรและมิกดาร)ได้ลุกขึ้นยืนโดยกล่าวว่า “เราขอเป็นพยานในเรื่องนี้ว่าเป็นพินัยกรรมของท่านนบีที่ได้จดในวันนั้นจริง”

เหล่งอ้างอิง
หนังสือ อัลเอี้ยะติยาญ อะล อะลิล ละญาญ เล่ม 1/154
หนังสือ ซะลีม บิน กัยซ์ หน้า 211
หนังสือ อัลฆัยบะตุล นุฮ์มานีอ์ หน้า 81
หนังสือ ฮิห์ติยาจ อัลฏอบรีซีอ์ เล่ม 1/223
หนังสือ อิษบาตุล ฮุดา เล่ม 2/241
หนังสือ ฆอยะตุล มะฮ์รอม เล่ม 6/107
หนังสือ บิฮารุลอันวาร เล่ม 36/277
หนังสือ มุนตะก่อบุล อะซัร หน้า 118

وَ عَنْ سُلَیْمِ بْنِ قَیْسٍ، قَالَ: سَلْمَانَ یَقُولُ سَمِعْتُ عَلِیّاً عَلَیْهِ السَّلَامُ بعد
مَا قَالَ ذَلِکَ الرَّجُلُ مَا قَالَ وَ غَضِبَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَیْهِ وَ آلِهِ وَ دَفَعَ الْکَتِفَ-: أَلَا نَسْأَلُ رَسُولَ اللَّهِ عَنِ الَّذِی کَانَ أَرَادَ أَنْ یَکْتُبَ فِی الْکَتِفِ مِمَّا لَوْ کَتَبَهُ لَمْ یَضِلَّ أَحَدٌ وَ لَمْ یَخْتَلِفْ اثْنَانِ
فَسَکَتُّ حَتَّى إِذَا قَامَ مَنْ فِی
الْبَیْتِ وَ بَقِیَ عَلِیٌّ وَ فَاطِمَهُ وَ الْحَسَنُ وَ الْحُسَیْنُ عَلَیْهِمُ السَّلَامُ وَ ذَهَبْنَا نَقُومُ أَنَا وَ صَاحِبِی أَبُو ذَرٍّ وَ الْمِقْدَادُ، قَالَ لَنَا عَلِیٌّ عَلَیْهِ السَّلَامُ: اجْلِسُوا.
فَأَرَادَ أَنْ یَسْأَلَ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَیْهِ وَ آلِهِ وَ نَحْنُ نَسْمَعُ، فَابْتَدَأَهُ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَیْهِ وَ آلِهِ فَقَالَ: «یَا أَخِی، أَمَا سَمِعْتَ مَا قَالَ عَدُوُّ اللَّهِ أَتَانِی جَبْرَئِیلُ قَبْلُ فَأَخْبَرَنِی أَنَّهُ سَامِرِیُّ هَذِهِ الْأُمَّهِ وَ أَنَّ صَاحِبَهُ عِجْلُهَا، وَ أَنَّ اللَّهَ قَدْ قَضَى الْفُرْقَهَ وَ الِاخْتِلَافَ عَلَى أُمَّتِی مِنْ بَعْدِی
فَأَمَرَنِی أَنْ أَکْتُبَ ذَلِکَ الْکِتَابَ الَّذِی أَرَدْتُ أَنْ أَکْتُبَهُ فِی الْکَتِفِ لَکَ، وَ أُشْهِدَ هَؤُلَاءِ الثَّلَاثَهَ عَلَیْهِ، ادْعُ لِی بِصَحِیفَهٍ». فَأَتَى بِهَا
فَأَمْلَى عَلَیْهِ أَسْمَاءَ الْأَئِمَّهِ الْهُدَاهِ مِنْ بَعْدِهِ رَجُلًا رَجُلًا وَ عَلِیٌّ عَلَیْهِ السَّلَامُ یَخُطُّهُ بِیَدِهِ. وَ قَالَ صَلَّى اللَّهُ عَلَیْهِ وَ آلِهِ
إِنِّی أُشْهِدُکُمْ أَنَّ أَخِی وَ وَزِیرِی وَ وَارِثِی وَ خَلِیفَتِی فِی أُمَّتِی عَلِیُّ بْنُ أَبِی طَالِبٍ، ثُمَّ الْحَسَنُ ثُمَّ الْحُسَیْنُ ثُمَّ مِنْ بَعْدِهِمْ تِسْعَهٌ مِنْ وُلْدِ الْحُسَیْنِ
کتاب سلیم بن قیس الهلالی، ج2، ص: ۸۷۷

ซัลมาน อัลฟารซี กล่าวว่า หลังจากที่ผู้ชายคนนั้น(อุมัร)ได้พูดจบ (คำพูดของเขา)สร้างความขุ่นเคืองให้ท่านนบีเป็นอย่างมาก ท่านเลยปล่อยวางสิ่งนั้นไป(การบันทึกพินัยกรรม) และฉันได้ยินท่านอะมีรุลมุมินีนกล่าวว่า เจ้าคิดว่าเราไม่ได้ถามท่านนบีดอกหรือว่า “โอ้นบี ท่านต้องการจะบันทึกสิ่งใดหรือซึ่งหากท่านได้จดบันทึกมัแล้วจะไม่มีผู้ใดหลงทางอีกเลยหลังจากท่านจากไป ?
(ซัลมาลกล่าวต่อไปว่า) ฉันได้เลือกที่จะนิ่งเงียบ และรอจนกระทั่งทั้งหมดได้ออกไปจากห้องของท่านนบี และในห้องก็เหลือแค่เพียงท่านอะลี ฟาติมะฮ์ ฮะซัน และฮุเซน ซึ่งในขณะนั้น ฉันพร้อมกับมิตรสหายอีกสองคน คือ อบูซัร และมิกดาร ก็ได้ลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินออกไป แต่ท่านอะลีได้บอกให้พวกเรานั่งลงก่อน แล้วท่านก็ได้ถามท่านนบีถึงสิ่งนั้น(พินัยกรรม) หลังจากนั้นกระดาษก็ได้ถูกนำมาให้ท่านนบีตามความประสงค์ แล้วท่านจึงรับสั่งให้ท่านอะลีเป็นผู้จดบันทึกรายชื่ออิมามผู้ซึ่งจะมาเป็นผู้สืบทอดสถานะ วะฮ์ซีต่อจากท่าน ศ. โดยพวกเราทั้งสามนั่งเป็นสักขีพยานร่วมกับพวกเขา ท่านนบีรับสั่งว่า :
ฉันต้องการให้พวกท่านเป็นพยานว่า พี่น้องของฉัน , วะซีรของฉัน, ผู้รับมรดกของฉัน , และคอลิฟะฮ์ของฉันในหมู่ประชาชาติของฉัน คือ อะลี บุตรแห่งอบูฏอลิบ หลังจากนั้น ฮะซัน หลังจากนั้นฮุเซน หลังจากนั้นอีก 9 คนที่มาจากบุตรหลานของฮุเซน