อัมซะฮ์ผู้เป็นอาของศาสดามุฮัมมัด ศ. ผู้ซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับท่าน ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความแข็งแรงที่สุด และมีความแข็งขันที่สุดในหมู่ชาวกุเรช เป็นยอดในการรบทับจับศึกและการกีฬาทัพต่างๆ เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปในกรล่าสัตว์อยู่ตามป่าเขา

การเข้ารับอิสลามของท่านอัมซะฮ์ราชสีห์พระเจ้า
ถึงแม้ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. จะได้รับความปลอดภัยจากการปกป้องของอบูฏอลิบ แต่ก็ยังไม่ปลอดพ้นไปจากการถูกรังควาญโดยพวกตั้งภาคี เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพบโอกาสที่จะก่อกวนท่าน พวกเขาก็ไม่เคยละเว้นโอกาสนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อบูญะฮัลพบว่าท่านกำลังอยู่ตามลำพัง จึงได้ใช้คำพูดที่หยาบคายและก้าวร้าวกับท่าน ในเย็นวันเดียวกันนั้นเองฮัมซะฮ์ อิบนิอับดุลมุตฏอลิบ ผู้เป็นอาของท่านกลับมาถึงบ้านหลังจากออกไปล่าสัตว์ ทาสหญิงของเขาได้เล่าเรื่องที่อบูญะฮัลกล่าวคำผรุสวาทต่อท่านศาสดาให้เขาฟัง และการที่ท่านศาสดาได้อดทนไม่ตอบโต้ ซึ่งนางได้เห็นเป็นประจักษ์พยานด้วยตนเอง
ท่านฮัมซะฮ์ เป็นนักรบ นักล่าสัตว์และดูจะไม่สนใจใยดีอะไรกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นประจำวันในตัวเมือง แต่ความประพฤติของอบูญะฮัลที่กระทำกับหลานชายของเขานั้นทำให้เขารู้สึกโกรธจึงหยิบฉวยคันธนูของเขา และมุ่งตรงไปยังที่ชุมนุมของชาวกุเรช ซึ่งขณะนั้น อบูญะฮัลกำลังเล่าถึงเหตุการณ์ประจำวันให้กับพรรคพวกของเขาฟังอยู่ อัมซะฮ์ได้ฟาดศีรษะอบูญะฮัล ด้วยคันธนูถึงกับเลือดไหลทะลักออกมา พร้อมกับกล่าวขึ้นว่า “ ฉันก็เป็นมุสลิมเช่นกัน ”
การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการท้าทายอบูญะฮัลอย่างมาก แต่เขาได้คิดคำนวณดูแล้วว่าการเงียบไม่ตอบโต้จะเป็นการดีกว่า
ท่านอัมซะฮ์เป็นมุสสิมที่มีความซื่อสัตย์ และเป็นวีรบุรุษของอิสลามคนหนึ่ง เขาเป็นสหายร่วมรบของหลานอีกคนหนึ่งคือ อิมามอะลี อ. ทั้งสองคนนี้คือผู้ที่ได้สังหารผู้นำของพวกกุเรชในสงครามบะดัรที่มีการสู้รบกันในอีกหลายปีต่อมา
ในสงครามอุฮุด ฮัมซะฮ์ได้สังหารผู้ถือธงรบคนที่สองของพวกป่าเถื่อนและเมื่อพวกศัตรูได้พุ่งทะยานเข้าใส่แนวรบของมมุสลิม เขาก็กระโจนเข้าใส่วงล้อม พร้อมกับฟาดฟันเข้าใส่ข้าศึกเพื่อรุกคืบฝ่าแนวรบของพวกเขาเข้าไป ในขณะนั้นเองเขาถูกหลาวของข้าศึกผู้มีนามว่า “วะฮ์ชี” ผู้เป็นทาสชาวอบิสซีเนียพุ่งเข้าใส่ที่ร่าง วะฮ์ชีได้รับมอบหมายให้ทำงานนี้โดยเฉพาะจากนางฮินด์ภรรยาของอบูซุฟยานมารดาของมุอาวิยะฮ์ และเขายังถูกแทงด้วยหอกจากผู้กราบไหว้เทวรูปชาวมักกะฮ์อีกคนหนึ่งด้วย ฮัมซะฮ์ล้มลงกองกับพื้นและสิ้นใจในทันที
ภายหลังจากที่มุสลิมถูกตีแตกพ่ายไปในวันนั้นแล้ว นางฮินด์และบรรดาพวกใจทมิฬหินชาติชาวมักกะฮ์ได้สับฟันร่างของบรรดามุสลิมที่ถูกสังหารออกเป็นชิ้น ๆ นางได้ผ่าท้องของ ฮัมซะฮ์และควักเอาตับของเขาออกมาพร้อมกับใส่ปากเคี้ยวกิน นางได้ตัดจมูก หู มือและเท้าทั้งสองข้างของฮัมซะฮ์มาร้อยเป็นพวงทำเป็นสร้อยคอแล้วเดินทางกลับเข้าสู่นครมักกะฮ์โดยสวมใส่มันเป็นรางวัลแห่งชัยชนะของสงคราม
ท่านศาสดาแห่งอิสลาม รู้สึกเศร้าสลดใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตและการถูกสับฟันร่างกายของผู้กล้าหาญแห่งอิสลามเช่น ฮัมซะฮ์ ท่านได้มอบตำแหน่งของ “ ราชสีห์แห่งพระเจ้า ” และ “ หัวหน้าแห่งบรรดาผู้พลีชีพเพื่อศาสนา ” ให้แก่ ฮัมซะฮ์
ท่านฮัมซะฮ์ เข้ารับอิสลามในปีที่ 5 ของการประกาศศาสนา
		
		



![กิจกรรมช่วงบ่ายวันอาชูรอ ชุมชนมัสยิดดารุซซะฮ์รอ อ. [ร่วมเดินเท้ารำลึกถึงกองคาราวานท่านหญิงซัยหนับ]](https://mubahala.net/wp-content/uploads/2022/08/298769655_599667181566282_3179114266681750340_n-1-100x75.jpg)





![ความสำคัญของวันมุบาฮะละฮ์ [24 ซุลฮิจญะฮ์] และกิจปฎิบัติที่ควรกระทำในวันนี้](https://mubahala.net/wp-content/uploads/2022/07/داستان-مباهله-1-100x75.jpg)



