ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
เหตุการณ์การลอบสังหาร อิมามอะลี บิน อบีฏอลิบ อ.
ในตอนรุ่งสางของวันที่ 19 เดือนรอมฏอน ปี ฮ.ศ. 40 อิมามอะลี อ. มายังมัสยิดใหญ่แห่งกูฟะฮ์ และกล่าว ฮะซาน ชั่วครู่ต่อมาบรรดาผู้นมาซเริ่มเดินทางมาถึงพวกเขายืนเข้าแถวประชิดเบื้องหลังอิมามอะลี อ. และเริ่มการนมาซ อิบนิ มุลญิม(นักฆ่า) และผู้สมรู้ร่วมคิดยืนอยู่แถวหน้าร่วมกับผู้นมาซคนอื่นๆ เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของท่านอิมามอะลี อ. พวกเขาซ่อนดาบที่เป็นเงามันปลายชุ่มด้วยยาพิษไว้ภายใต้เสื้อคลุม
เมื่อหน้าผากของอาลีสัมผัสพื้นในท่า “ ซุญูด ” เท่านั้น อิบนิมุลญิม ก็ก้าวออกจากแถวของเขา ย่างก้าวเข้าไปภายใน “ มิฮ์รอบ ” และเมื่ออิมามอะลี อ. กำลังเงยศีรษะของเขาขึ้นจากพื้น อิบนิมุลญิมได้กระหน่ำฟันอย่างรุนแรงไปที่บริเวณหน้าฝากของท่าน ด้วยความฉกาจฉกรรจ์ของบาดแผลทำให้หน้าผากแยกออก เลือดสด ๆพวยพุ่งกระฉูดออกมาจากหน้าผากของอาลี และเขาอุทานออกมาว่า :
فزت ورب الكعبة
“ ขอสาบานต่อพระผู้อภิบาลแห่งกะบะฮ์ ฉันประสบความสำเร็จแล้ว ”
แล้วท่านอิมามอะลี อ. ก็ได้อ่านโองการนี้ว่า :
مِنْهَا خَلَقْنَاكُمْ وَفِيهَا نُعِيدُكُمْ وَمِنْهَا نُخْرِجُكُمْ تَارَةً أُخْرَى سوره طه 55
“เราได้บังเกิดพวกเจ้ามาจากดิน และ ณ แผ่นดินนั้นเราจะให้พวกเจ้ากลับคืนไป และจากแผ่นดินนั้น เราจะให้พวกเจ้ากลับออกมาอีกครั้งหนึ่ง”
บรรดาผู้ที่มาชุมนุมเพื่อนมาซตระหนักดีว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่พวกเขาเสร็จสิ้นการนมาซ จึงเข้าไปห้โอบล้อมเขา อิมามฮะซันและอิมามฮุเซนหามท่านกลับไปบ้าน แพทย์มาถึงและตบแต่งบาดแผลฉกรรจ์ที่เหวอะหวะ แต่ไม่อาจหยุดการเสียเลือดได้ ลำพังรอยแผลจากการกระหน่ำฟันของดาบก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้วซ้ำร้ายยาพิษจากคมดาบยังแพร่กระจายเข้าไปในร่างกายของเขาอีก
นักประวัติศาสตร์กล่าวว่า ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองที่อิมามอะลี อ. มีบาดแผลที่หน้าผาก ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อครั้งสงคราม “ ค็อนดัก ” ซึ่งสู้รบกันเมื่อ ปี ฮ.ศ. 5 ดาบของ อัมร อิบนิ อับดุวุดตัดผ่านโล่และหมวกเหล็กถูกหน้าผากของเขา ซึ่งยังคงปรากฏรอยแผลเป็นจากดาบของอัมรอยู่
อิมาม อ. ใช้เวลาที่ยังมีเหลืออยู่ของเขาหมดไปกับการนมาซ และการสั่งเสียความต้องการของเขาโดยการให้คำแนะนำตักเตือนบรรดาบุตรชายของเขา เหล่าเสนาบดีและแม่ทัพนายกอง ผู้บังคับบัญชากองทัพเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในการบิรหารการปกครอง และย้ำเตือนพวกเขาทั้งหมดไม่ให้ลืมคนชรา คนยากจน หญิงม้ายและเด็กกำพร้าในทุกโอกาส
อิมามอะลี อ. ประกาศว่า ฮาซัน บุตรชายคนโตของเขาจะขึ้นเป็นผู้นำของอนาจักรแห่งอิสลาม และเป็นผู้มีอำนาจเหนือมุสลิมทั้งมวลแทนเขา
ยาพิษได้ทำหน้าที่ของมัน และแล้วในเช้าวันที่ 21 เดือนรอมฏอน ปี ฮ.ศ. 40 อะลี อิบนิ อบีฏอลิบราชสีห์ของอัลลออ์ ได้จากโลกนี้ เพื่อไปอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระผู้ทรงสร้างเขา ผู้ซึ่งเขารักและรับใช้พระองค์มาตลอดชีวิต
อะลี บิน อบีฎอลิบ คือ “ผู้ซึ่งหลงใหลในพระเจ้า” ความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาคือ รับใช้พระผู้สร้างทุกขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเขาได้ทำให้เป็นจริงแล้ว และนี่คือความหมายที่เขาเปล่งเสียงออกมา เมื่อเขารู้สึกถึงคมดาบที่บาดลึกที่หน้าผากของเขาว่า :
“ขอสาบานต่อพระผู้อภิบาลแห่งกะบะฮ์ ฉันประสบความสำเร็จแล้ว”
อิมามฮะซัน อ. และอิมามฮุเซน อ. อาบน้ำชำระร่างกายให้บิดาของพวกเขา จัดการห่อหุ้มเรือนร่าง นมาซ และฝังอย่างเงียบๆที่ “นะญัฟ อัล อัชรอฟ” ห่างจากกูฟะฮ์ไปพอสมควร ไม่มีเครื่องหมายใด ๆแสดงบนสุสานและสถานที่ฝังศพก็ถูกปิดเป็นความลับตามความต้องการของ อิมามอะลี อ. เอง
อิมามอะลี อ. คือ ตัวแทนของชัยชนะขั้นสุดท้ายของคุณลักษณะและอุดมการณ์ เขาเป็นส่วนผสมที่หาได้ยากยิ่งของความรักในพระเจ้า การมอบอุทิศให้ภารกิจ อารมณ์ที่มั่งคงด้วยความอ่อนโยน สัดส่วนที่สมดุลของจิตใจและความซื่อสัตย์ที่ไม่มีการยืดหยุ่น มรดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาที่ทิ้งไว้ให้โลกอิสลาม จะคงบุคคิกภาพอันสูงส่งของเขาอยู่เป็นนิรันดร์.
บทซิยาะเราะห์ท่านอิมามอะลี อ.
ท่านอิมามบาเก็ร อ. กล่าวว่า ใครก็ตามจากเหล่าชีอะฮ์ของเราที่อ่านซิยาราะฮบทนี้ และดุอาฮ์ที่สุสานของท่านอะมีรุลมุฮ์มินีน อ. หรือที่สุสานของอิมามท่านใดท่านหนึ่ง พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสูงส่ง จะทรงนำซิยาเราะฮ์และดุอาฮ์นี้ของเขา ที่บันทึกไว้ด้วยรัศมี ไปสู่เบื้องบน และจะประทับตราของท่านนบีมุฮัมมัด ศ. ไว้บนนั้น ซึ่งจะถูกเก็บรักษาไว้ในสภาพนี้จนกว่าจะนำไปมอบให้แก่ท่านกออิม อาลีมุฮัมมัด และจะให้การต้อนรับผู้เป็นเจ้าของด้วยการแจ้งข่าวดี ให้ความเคารพ และเทิดเกียรติอันสูงส่งให้แก่เขา อินชาอัลลอฮ์
السَّلامُ عَلَيْكَ يَا أَمِينَ اللّٰهِ فِي أَرْضِهِ ، وَحُجَّتَهُ عَلَىٰ عِبادِهِ ، السَّلامُ عَلَيْكَ يَا أَمِيرَ الْمُؤْمِنِينَ ، أَشْهَدُ أَنَّكَ جاهَدْتَ فِي اللّٰهِ حَقَّ جِهادِهِ ، وَعَمِلْتَ بِكِتابِهِ ، وَاتَّبَعْتَ سُنَنَ نَبِيِّهِ صَلَّى اللّٰهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ حَتّىٰ دَعاكَ اللّٰهُ إِلىٰ جِوارِهِ فَقَبَضَكَ إِلَيْهِ بِاخْتِيارِهِ ، وَأَلْزَمَ أَعْداءَكَ الْحُجَّةَ مَعَ مَا لَكَ مِنَ الْحُجَجِ الْبالِغَةِ عَلَىٰ جَمِيعِ خَلْقِهِ
اللّٰهُمَّ فَاجْعَلْ نَفْسِي مُطْمَئِنَّةً بِقَدَرِكَ ، راضِيَةً بِقَضائِكَ ، مُولَعَةً بِذِكْرِكَ وَدُعائِكَ ، مُحِبَّةً لِصَفْوَةِ أَوْلِيائِكَ ، مَحْبُوبَةً فِي أَرْضِكَ وَسَمائِكَ ، صابِرَةً عَلَىٰ نُزُولِ بَلائِكَ ، شاكِرَةً لِفَواضِلِ نَعْمائِكَ ، ذاكِرَةً لِسَوابِغِ آلائِكَ ، مُشْتاقَةً إِلىٰ فَرْحَةِ لِقائِكَ ، مُتَزَوِّدَةً التَّقْوىٰ لِيَوْمِ جَزائِكَ ، مُسْتَنَّةً بِسُنَنِ أَوْلِيائِكَ ، مُفارِقَةً لِأَخْلاقِ أَعْدائِكَ ، مَشْغُولَةً عَنِ الدُّنْيا بِحَمْدِكَ وَثَنائِكَ
اللّٰهُمَّ إِنَّ قُلُوبَ الْمُخْبِتِينَ إِلَيْكَ والِهَةٌ ، وَسُبُلَ الرَّاغِبِينَ إِلَيْكَ شارِعَةٌ ، وَأَعْلامَ الْقاصِدِينَ إِلَيْكَ واضِحَةٌ ، وَأَفْئِدَةَ الْعارِفِينَ مِنْكَ فازِعَةٌ ، وَأَصْواتَ الدَّاعِينَ إِلَيْكَ صاعِدَةٌ ، وَأَبْوابَ الْإِجابَةِ لَهُمْ مُفَتَّحَةٌ ، وَدَعْوَةَ مَنْ ناجاكَ مُسْتَجابَةٌ ، وَتَوْبَةَ مَنْ أَنابَ إِلَيْكَ مَقْبُولَةٌ ، وَعَبْرَةَ مَنْ بَكَىٰ مِنْ خَوْفِكَ مَرْحُومَةٌ ، وَالْإِغاثَةَ لِمَنِ اسْتَغاثَ بِكَ مَوْجُودَةٌ ، وَالْإِعانَةَ لِمَنِ اسْتَعانَ بِكَ مَبْذُولَةٌ ،
وَعِداتِكَ لِعِبادِكَ مُنْجَزَةٌ ، وَزَلَلَ مَنِ اسْتَقالَكَ مُقالَةٌ ، وَأَعْمالَ الْعامِلِينَ لَدَيْكَ مَحْفُوظَةٌ ، وَأَرْزاقَكَ إِلَى الْخَلائِقِ مِنْ لَدُنْكَ نازِلَةٌ ، وَعَوائِدَ الْمَزِيدِ إِلَيْهِمْ واصِلَةٌ ، وَذُنُوبَ الْمُسْتَغْفِرِينَ مَغْفُورَةٌ ، وَحَوائِجَ خَلْقِكَ عِنْدَكَ مَقْضِيَّةٌ ، وَجَوائِزَ السَّائِلِينَ عِنْدَكَ مُوَفَّرَةٌ ، وَعَوائِدَ الْمَزِيدِ مُتَواتِرَةٌ ، وَمَوائِدَ الْمُسْتَطْعِمِينَ مُعَدَّةٌ ، وَمَناهِلَ الظِّماءِ لَدَيْكَ مُتْرَعَةٌ
اللّٰهُمَّ فَاسْتَجِبْ دُعائِي ، وَاقْبَلْ ثَنائِي ، وَاجْمَعْ بَيْنِي وَبَيْنَ أَوْلِيائِي ، بِحَقِّ مُحَمَّدٍ وَعَلِيٍّ وَفاطِمَةَ وَالْحَسَنِ وَالْحُسَيْنِ إِنَّكَ وَلِيُّ نَعْمائِي ، وَمُنْتَهَىٰ مُنايَ ، وَغايَةُ رَجائِي فِي مُنْقَلَبِي وَمَثْوَايَ