หน้าแรก อะห์ลุลบัยต์ สร้อยนามอันประเสริฐของท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ คือ “มารดาของบิดาของนาง” ให้ความหมายอย่างไร..?

สร้อยนามอันประเสริฐของท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ คือ “มารดาของบิดาของนาง”[أُمُّ أَبِيْهَا] ให้ความหมายอย่างไร..?

132

ท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ คือ มารดาของบิดานาง  อุมมุ อะบี ฮา[أُمُّ أَبِيْهَا]คือสร้อยนามที่แสดงถึงความสูงส่งของท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ อ. อย่างหาที่เปรียบไม่ได้

divider

ท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ คือ มารดาของบิดานาง  อุมมุ อะบี ฮา[أُمُّ أَبِيْهَا]คือสร้อยนามที่แสดงถึงความสูงส่งของท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ อ. อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ก่อนที่ข้าพเจ้าจะอธิบายความหมายของคำพูดนี้ของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. มาดูตัวบทของฮะดิษที่บันทึกไว้ในตำราของชาวซุนนะห์ ท่านซะฮ์บี ได้บันทึกไว้ในหนังสือ ซียะรุล อะห์ลาม มิล นุบลาฮ์ และท่านอิบนิ ฮะญัร อัซก่อลานีย์ บันทึกไว้ในหนังสืออัลอิศ่อบะฮ์ และอื่นๆ ว่า

فَاطِمَةُ بِنْتُ رَسُوْلِ اللهِ  -صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ- سَيِّدَةُ نِسَاءِ العَالَمِيْنَ فِي زَمَانِهَا، البَضْعَةُ النَّبَوِيَّةُ، وَالجِهَةُ المُصْطَفَوِيَّةُ ، أُمُّ أَبِيْهَا ، بِنْتُ سَيِّدِ الخَلْقِ رَسُوْلِ اللهِ -صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ
سير أعلام النبلاء – الذهبي – ج 2 – ص 118 – 119 المؤلف : شمس الدين أبو عبد الله محمد بن أحمد بن عثمان بن قَايْماز الذهبي (المتوفى : 748هـ)، المحقق : مجموعة من المحققين بإشراف الشيخ شعيب الأرناؤوط، الناشر : مؤسسة الرسالة، الطبعة : الثالثة ، 1405 هـ / 1985 م، عدد الأجزاء : 25 (23 ومجلدان فهارس)الإصابة – ابن حجر – ج 8 – ص 262 و الكاشف في معرفة من له رواية في كتب الستة – الذهبي – ج 2 – ص 514 و تهذيب الكمال – المزي – ج 35 – ص 247 و أسد الغابة – ابن الأثير – ج 5 – ص 520 و الاستيعاب – ابن عبد البر – ج 4 – ص 1899

 

ฟาฎิมะฮ์ บุตรี แห่งศาสนทูตของอัลลอฮ์ คือ หัวหน้าสตรีแห่งสากลโลกในยุคสมัยของนาง ,คือก้อนเนื้อแห่งนะบูวัต ,…..เป็นมารดาของบิดานาง………..

 

ความหมายของวจนะร่อซูลที่กล่าวถึงท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ว่า “อุมุ อะบี ฮา” 

หากมองถึงความหมายทั่วไปของประโยคนี้ ที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ. กล่าวกับบุตรสาวของท่าน ว่า “ฟาฎิมะฮ์ คือมารดาของบิดาของนาง” อาจจะเข้าใจได้ว่า หลังจากที่ภรรยาของท่านนบี ศ. คือท่านหญิงคอดีญะฮ์ ได้เสียชีวิตลง ก็มีท่านหญิงฟาฎิมะฮ์บุตรสาวของท่าน ศ. นี้แหละที่คอยทำหน้าที่เสมือนมารดาคนหนึ่งในทุกๆเรื่อง กล่าวคือ “การเรียกขานว่า อุมมุ อะบีฮา  (มารดาของบิดาของนาง) เหตุที่ถูกเรียกชื่อดังกล่าวนั้น เป็นเพราะนางเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในบ้านของท่านนบี ศ.หลังจากที่ท่านหญิงคอดีญะฮ์ได้เสียชีวิตไป นางจึงได้รับหน้าที่ดูและปรณนิบัตรท่านนบี มีการบันทึกไว้ว่าช่วงแรกของการเผยแพร่ศาสนาของท่านนบี ส่วนมากแล้วท่านศาสดา ศ. จะกลับมาบ้านในสภาพที่เท้าเปื้อนเลือด ถูกขว้างปาถูกเย้ยหยันและอยู่ในสภาพที่เศร้าโศกมีเพียงฟาฏิมะห์เท่านั้นที่คอยปลอบประโลมผู้เป็นบิดา

อับดุลลอฮ์ บิน มัสอูด กล่าวว่า วันหนึ่งท่านศาสดาอยู่ในสภาพซุญูดและมีพวกกุเรชอยู่รายล้อมท่าน อุกบะฮ์ อิบนิ อบีมุอีดได้นำกระเพาะแกะเทใส่หลังท่านศาสดา ท่านไม่ได้เงยจากสุญูดจนกระท่งท่านหญิงฟาตมะฮ์มาถึง นางได้นำมันออกไปและสาปแช่งผู้ที่ได้กระทำ (บุคคอรี เล่ม 5 หน้า 57 )

เหตุการณ์ทำนองนี้ได้เกิดขึ้นกับท่านศาสดา ศ. หลายครั้งและทุกๆครั้งท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ก็จะเป็นผู้ที่รีบมาช่วยบิดา

และเพราะอีกเหตผลหนึ่งที่นางได้ถูกเรียกว่า “อุมมุ อบีฮา” เพราะนางมีใบหน้าคล้ายกับบิดาของนางมาก นั่นหมายถึง “ ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ.

أم أبيها - مومنات نت

แต่หากพิจจารณาให้ลึกกว่านี้ และนำความหมายของคำว่า “อุมมุล” ซึ่งตามรากศัพท์แล้ว จะให้ความหมายว่า “แก่นแท้ และรากเหง้าของสิ่งหนึ่ง” ก็สามารถกล่าวได้ว่า “ท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ อ. คือแก่นแท้ ,รากเหง้า และเเหล่งกำเนิดของ นะบูวะฮ์ และ วิลายะฮ์ กล่าวคือ หากปราศจากนาง นะบูวะฮ์ และ วิลายะฮ์ของอะฮ์อิมมะฮ์ ก็ไม่อาจอธิบายได้อย่างสมบูรณ์แบบนี้

ความว่า : วิลายะฮ์แห่งอะฮ์อิมมะฮ์ คือผลผลิตของนะบูวัต และเช่นกัน นะบูวัต ที่ปราศจาก วิลายะฮ์ ก็ไร้ความหมาย(ไม่สามารถไปถึงเป้าหมายที่อัลลอฮ์ตั้งไว้ได้)
ดังที่อัลลอฮ์ ซ.บ. จึงตรัสไว้ในอัลกุรอ่านว่า “โอ้มุฮัมมัด หากเจ้าไม่ประกาศวิลายะฮ์ออกไปก็เท่ากับเจ้าไม่ได้ประกาศอิสลามเลย และนะบูวัตก็ไม่อาจสมบูรณ์ได้”
และเช่นนั้นแหละ การมีอยู่ของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ยิ่ง คือผลผลิตถึงการมีอยู่ของท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ หากปราศจาก ฟาฎิมะฮ์ ก็ไม่มีแล้วซึ่ง อะฮ์อิมมะฮ์ และวิลายะฮ์  เมื่อปราศจาก วิลายะฮ์ นะบูวัต ก็ไม่อาจจะสมบูรณ์ได้(ตามคำที่อัลกุรอ่านยืนยันไว้ในอายะ 67 ซูเราะห์อัล-มาอิดะฮ์)
ฉะนั้น ท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ คือ ปฐมเหตุแห่งนะบูวัต และอิมามัต ดังปรากฏในบางริวายะฮ์ที่ระบุไว้ เช่น ฮะดิษกุดซีย์ ที่อัลลอฮ์ทรงตรัสกับท่านนบีมุฮัมมัด ศ. ในค่ำคืนมิฮ์รอจ ว่า

 

یـا أَحْمَدُ! لَوْلاکَ لَما خَلَقْتُ الْأَفْلاکَ، وَ لَوْلا عَلِىٌّ لَما خَلَقْتُکَ، وَ لَوْلا فاطِمَهُ لَما خَلَقْتُکُما»؛
الأسرار الفاطمية – الشيخ محمد فاضل المسعودي – ص 231

โอ้อะห์มัด(นบีมุฮัมมัด)หากปราศจากเจ้าแล้ว ข้าก็จะไม่สร้างสรรพสิ่งใดเลย และเช่นกันหากปราศจากอะลี ข้าก็จะไม่สร้างเจ้า และหากปราศจากฟาฎิมะฮ์ ข้าก็จะไม่สร้างเจ้าทั้งสองเช่นกัน